ทำไมคนเกาหลีถึงกินข้าวปริมาณเยอะ?
เคยสังเกตมั้ย? ทำไมคนเกาหลีส่วนใหญ่กินข้าวทีละ 1-2 ชาม? บางครั้งเวลากินรามยอนเสร็จยังเติมข้าวลงไปในน้ำซุปที่เหลืออีกต่างหาก!
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#วัฒนธรรมเกาหลี #คนเกาหลี
#ประวัติศาสตร์เกาหลี #ข้าวเกาหลี
#อาหารเกาหลี
เคยสังเกตกันมั้ยว่า คนเกาหลีส่วนใหญ่กินข้าวค่อนข้างเยอะ บางคนกินข้าวครั้งละ 1-2 ชาม และส่วนใหญ่จะเติมข้าวสวยลงในน้ำซุปที่เหลือสำหรับเมนูต้มด้วยค่ะ การกินข้าวปริมาณมากๆไม่ได้เป็นเฉพาะผู้ชายเท่านั้นนะคะ บางครั้งผู้หญิงเกาหลีตัวเล็กๆก็สามารถกินข้าวในปริมาณมากๆได้จนน่าตกใจเหมือนกัน
วันนี้เรามาดูกันดีกว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนเกาหลี(ส่วนใหญ่)กินข้าวปริมาณมากๆ ค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับข้าวของเกาหลี
ที่มา namu.wiki
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกขุดพบ ทำให้เห็นว่าขนาดของชามข้าวมีความแตกต่างกันตามยุคสมัย เมื่อเทียบกับชามข้าวทั่วไปที่ใช้ในปัจจุบันคือประมาณ 350 กรัม (ด้านซ้ายมือ) พบว่าชามข้าวสมัยราชวงศ์โชซอน 690 กรัม, สมัยราชวงศ์โกรยอ 1,040 กรัม และสมัยราชวงศ์โกคูรยอ 1,300 กรัม (เรียงจากทางซ้ายไปขวา) ค่ะ
ในสมัยอดีตปริมาณอาหารที่เตรียมในแต่ละมื้อจะมีปริมาณมาก ยิ่งเป็นคนใหญ่คนโตมากเท่าไหร่ ปริมาณข้าวและอาหารก็จะมากขึ้นเท่านั้นค่ะ แต่ก็ใช่ว่าเหล่าชนชั้นสูงจะกินอาหารที่เตรียมไว้ทั้งหมด พวกเขาจะกินเท่าที่อยากกินเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกคนที่ฐานะต่ำกว่าก็จะเอามาแบ่งกันกินอีกทีค่ะ
ที่มา namu.wiki
จากภาพที่ถูกบันทึกไว้จะเห็นว่าคนเกาหลีตั้งแต่สมัยอดีต รับประทานข้าวสวยในปริมาณค่อนข้างมาก ว่ากันว่าสมัยก่อนชนชั้นขุนนางจะกินข้าวสวยล้วนๆ แต่คนชนชั้นกลางจะต้องกินข้าวผสมกับธัญญาพืชค่ะ แต่ถ้าลองนึกถึงสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมในอดีตของเกาหลี ก็คงพอเดาได้ว่าถ้าคนเกาหลีกินปริมาณเยอะแบบนี้ ผลผลิตทางการเกษตรต้องไม่พอแน่ๆค่ะ
เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและอากาศของประเทศเกาหลีไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ดังนั้นการปลูกข้าวจึงทำได้เพียงบางพื้นที่เท่านั้นค่ะ จนมีคำกล่าวที่ที่ว่า "คนทางใต้หุงข้าวสวยได้อร่อย คนทางเหนือหุ้งข้าวผสมธัญญาพืชได้ดี"
ที่มา namu.wiki
จากการสันนิษฐานถึงสาเหตุของความเป็นไปได้ที่คนเกาหลีสมัยก่อนกินข้าวปริมาณมากๆเพราะ คนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงานหรือเกษตรกรที่ต้องใช้แรงในการทำงานหนักๆ ดังนั้นการกินข้าวมากๆจะช่วยให้มีกำลังมากขึ้น และอีกหนึ่งอย่างคือสมัยก่อนเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่หายากดังนั้นเพื่อให้ท้องอิ่มจึงต้องทานข้าวเยอะๆค่ะ
นอกจากนั้นยังมีหลักฐานแสดงว่า การอวดอ้างหรือแสดงอำนาจนั้นนอกจากจะเป็นเรื่องความรู้ความสามารถแล้วยังมีการแสดงด้วยปริมาณอาหารที่กิน อย่างเช่นมีการอวดอ้างว่าแม่ทัพของกองสามารถกินอาหารและแอลกอฮอล์ได้มากแสดงว่ามีความแข็งแกร่งมากเช่นกันค่ะ
ปริมาณข้าวของคนเกาหลี
ที่มา namu.wiki
จากการบันทึกพบว่าสมัยโชซอน กษัตรย์กินอาหารวันละ 5-6 มื้อ แต่สมัยของพระเจ้ายองโจ (영조) ได้ลดปริมาณมื้ออาหารลงเหลือ 3 มื้อและมีการเพิ่มเนื้อสัตว์และเครื่องเคียงต่างๆเพื่อให้ได้รับปริมาณพลังงานมากเท่าเดิมค่ะ
ในบันทึกเขียนไว้ว่าสนมยองบิน กล่าวด้วยความกังวลว่า "เพราะกินข้าวปริมาณน้อย แก่ตัวไปต้องป่วยแน่นอน" แต่ความจริงแล้วพระเจ้ายองโจ กลับเป็นกษัตรย์ที่อายุยาวที่สุดในสมัยโชซอนค่ะ นอกจากนั้นยังมีการบันทึกว่าคนเกาหลีมีการกินอาหาร 3 มื้อเหมือนในปัจจุบันคือ เช้า, กลางวันและเย็น
ที่มา namu.wiki
แต่ส่วนใหญ่มื้อกลางวันนั้นจะเป็นเพียงอาหารง่ายๆ ไม่ได้จัดเตรียมอะไรมากมาย ซึ่งจุดเริ่มต้นมีมาตั้งแต่สมัยโกรยอ ทำให้คนเกาหลีส่วนใหญ่ติดนิสัยการกินอาหารวันละ 2 มื้อเท่านั้น แต่สำหรับคนที่มีฐานะดีจะได้กินอาหารวันละ 3 มื้อค่ะ
การเริ่มต้นควบคุมปริมาณข้าวของประเทศเกาหลีนั้นเริ่มขึ้นในช่วงปลายศตวรรษ 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศเกาหลีกำลังฟื้นตัวจากสงครามโลก รัฐบาลเกาหลีต้องการควบคุมปริมาณการบริโภคข้าวของประะชาชนเนื่องจากประสบปัญหาอาหารขาดแคลนค่ะ
ที่มา Chosun
หนึ่งในเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้คือ "ชามข้าวสแตนเลส" ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อดือนมกราคม ปี 1973 โดยตอนนั้นชามสแตนเลสมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 11.5 ซมและสูง 7.5 ซม นอกจากนั้นรัฐบาลยังได้รณรงค์ให้ความรู้ประชาชนเรื่องการบริโภคที่ถูกต้อง ร่วมถึงขอความร่วมมือไม่ให้เสิร์ฟอาหารในหม้อหินด้วยค่ะ
และในวันที่ 4 ธันวาคมปี 1974 รัฐบาลได้ประกาศห้ามไม่ให้ร้านอาหารเสิร์ฟข้าวด้วยชามหินและต้องเสิร์ฟเฉพาะในถ้วยสแตนเลสเท่านั้นค่ะ และตั้งแต่เดือนกรกฏาคมปี 1976 รัฐบาลเกาหลีได้ออกคำสั่งให้ร้านอาหารในโซลต้องใช้ชามสแตนเลสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10.5 ซม.สูง 6 ซม. และต้องเสิร์ฟเพียง 4/5 ของชามเท่านั้นค่ะ
ที่มา ppomppu
จากนั้นในปี 1981 กระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีได้แนะนำให้ร้านอาหารทั่วประเทศใช้ชามสแตนเลสขนาดมาตรฐาน (เส้นผ่าศูนย์กลาง 10.5 ซม.สูง 6 ซม. ) ในการเสิร์ฟและให้ความรู้ประชาชนว่าการลดคาร์โบไฮเดรต สามารถช่วยดลดน้ำหนักได้ ซึ่งปัจจุบันร้านอาหารในเกาหลีส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้ชามขนาดเดิมค่ะ
แต่ก็มีการผลิตชามสแตนเลสขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 9.5 ซม.สูง 5.5 ซม. หรือขนาดเล็กกว่านั้นออกมาเนื่องจากการแนวคิดในการกินของคนปัจจุบันเปลี่ยนไปและกินข้าวน้อยลงแต่ถึงแม้ว่าจะมีการควบคุมปริมาณข้าวแล้วก็ปัจจุบันก็มีร้านอาหารหลายร้านที่ยังมีบริการเติมข้าวฟรีอยู่ค่ะ
ที่มา ppomppu
จากข้อมมูลช่วงปี 1970 คนเกาหลี 1 คนจะมีการบริโภคธัญญาพืชเฉลี่ย 190 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งเป็นข้าวทั้งหมด 136 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันคนเกาหลีบริโภคข้าวเฉลี่ยเหลือเพียง 60 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าปริมาณข้าวจะลดลงแต่คนเกาหลีจำนวนมากก็ยังหันมาบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทดแทนอยู่ดีค่ะ
ถ้าจะให้สรุปตามความเห็นของเราคิดว่า ตั้งแต่สมัยอดีตเนื่องจากคนเกาหลีส่วนใหญ่ที่เป็นคนไม่มีฐานะ จึงไม่สามารถบริโภคเนื้อสัตว์ได้จำเป็นต้องบริโภคข้าวในปริมาณมากๆเพื่อให้ร่างกายมีแรงสำหรับการทำงาน และการบริโภคมากๆสำหรับชนชั้นสูงถือเป็นการแสดงว่าตัวเองมีอำนาจเหนือผู้อื่นค่ะ
และความคิดนี้อาจถูกปลูกฝังมาจนถึงยุคที่เกาหลีฟื้นตัวจากสงคราม ที่ต้องเจอกับภาวะขาดอาหารและข้าวก็ถือเป็นสิ่งที่เดียวที่มีอยู่จึงจำเป็นต้องบริโภคปริมาณมากๆเพื่อความอยู่รอด จนกลายมาเป็นนิสัยที่ถูกปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่นให้เห็นคุณค่าของข้าวค่ะ
เพื่อนเกาหลีของเราที่เคยมาเที่ยวไทย เคยบ่นให้เราฟังว่า "ตอนไปเที่ยวไทยกินข้าวไม่อิ่มเลย ต้องกินครั้งละ 2-3จานเพราะให้ข้าวน้อย และเวลากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยต้องกิน 2-3 ซองเพราะไม่อิ่ม"ค่ะ
ข้อมูลอ้างอิงจาก namu.wiki,ohmynews
หลังจากที่อ่านแล้วน่าจะตอบข้อสงสัยของหลายๆคนที่สงสัยว่า "ทำไมคนเกาหลีถึงกินข้าวเยอะ?" ใครที่มีคำถามหรืออยากแสดงความคิดเห็นสามารถคอมเมนต์หรือจะส่งอีเมล์มาที่ help@creatrip.com ก็ได้ค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
โพสต์ที่น่าสนใจ |
ความหมายของประโยค"ชวนไปกินรามยอน" |
ความพิเศษของอาหารเกาหลี |