การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่นำโดยนักศึกษาที่เกิดขึ้นในเอเชีย

#การประท้วง #ประชาธิปไตย

#นักศึกษา #ประชาชนปลดแอก

เหตุการณ์การประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทยที่นำโดยกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและเยาวชนรุ่นใหม่ ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศ และหลายฝ่ายกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของฝั่งรัฐบาลและผู้ประท้วง ซึ่งการประท้วงที่นำโดยกลุ่มนักศึกษาไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยปัจจุบันเป็นครั้งแรก แต่ตามบันทึกพบว่าเคยเกิดการประท้วงลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้งในเอเชียค่ะ

วันนี้เราจะพาทุกคนไปย้อนดูการประท้วงที่นำโดยกลุ่มนักศึกษาที่เกิดขึ้นในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นการประท้วงครั้งใหญ่และเป็นที่สนใจจากผู้คนทั่วโลกค่ะ

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube

✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ข่าวเกาหลี

การประท้วงที่นำโดยกลุ่มนักศึกษาในเอเชีย

Bangkok Post

ประเทศในแถบทวีปเอเชียมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่นำโดยนักศึกษาที่ออกมาต่อต้านระบอบเผด็จการในช่วงหลายทศวรรษ โดยการประท้วงครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั่วโลกต้องจดจำเกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 1973 เมื่อเหล่านักศึกษาออกมาต่อต้านรัฐบาลที่นำโดยทหาร และต่อมาในปี 2014 นักศึกษาชาวไต้หวันออกมาต่อต้านสนธิสัญญาระหว่างจีน ซึ่งต่อมาการประท้วงครั้งนี้ถูกเรียกกว่า "Sunflower Movement"

ที่อินโดนีเซียนักศึกษาได้ออกมาประท้วงเพื่อต่อต้านกฏหมายและกล่าวหาหน่วยงานต่อต้านการคอร์รัปชั่นของประเทศว่าไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังมีการเรียกร้องให้เพิ่มบทลงโทษอาชญากรคดีทางเพศ จากเหตุการณ์นั้นมีนักศึกษาอย่างน้อย 2 คนเสียชีวิตจากการปะทะกับตำรวจ และกลายเป็นการลุกฮือของเหล่านักศึกษาครั้งใหญ่ในปี 1998 ที่สามารถโค่นซูฮาร์โต ลงได้

Reuters

อีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญของเกาหลีใต้ ย้อนไปในช่วงฤดูร้อนของปี 1987 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศแห่งประชาธิปไตยและมีเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองเหมือนในปัจจุบัน จากการประท้วงในปีนั้นมีนักศึกษาสองคนเสียชีวิต คนหนึ่งเสียชีวิตจากการจมน้ำขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทรมาน และอีกหนึ่งคนถูกรมด้วยแก๊สน้ำตา ความรุนแรงครั้งนั้นส่งผลให้รัฐบาลยอมจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่

สามทศววรษต่อมาเกิดการประท้วงคล้ายๆกันที่ฮ่องกง เหล่าผู้ประท้วงชาวฮ่องกงได้นำเพลง March for the Beloved ที่ใช้ในระลึกถึงการประท้วงของเกาหลีไปแปลเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง และโจซัว หว่อง หนึ่งในผู้นำการประท้วงของฮ่องกงได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์เปรียบเทียบเหตุการณ์ในเกาหลีและฮ่องกง ซึ่งถูกรีทวิตหลายหมื่นครั้ง

อี แทโอ หนึ่งในอดีตนักศึกษาที่เป็นผู้นำในการประท้วงเมื่อปี 1987 ขณะนี้เขายังคงมีส่วนรวมในองค์กรภาคประชาชนของเกาหลี และเป็นผู้นำในกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของ Asia Democracy Network เขากล่าวว่า "พวกเรามีความพยายามทำให้การประท้วงในเกาหลีเป็นไปอย่างสงบ เพราะหากกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ซึ่งจะกลายเป็นข้ออ้างที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการข่มขู่ประชาชนได้"

อีริค มูแบรน ศาสตราจาร์ยจากคณะ Korean Studies จาก Seoul National University กล่าวว่า "สิ่งที่เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้คือ เมื่อเกิดเรื่องน่าเศร้ากับคนหนุ่มสาวโดยผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น"

ผู้ที่เคยเข้าร่วมการประท้วงของเกาหลีในอดีต ปัจจุบันมีหลายคนที่ทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองรวมถึงเป็นผู้ร่างกฏหมาย, นักวิชาการ, เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงประธานธิบดีมุน แจอิน ในอดีตเขาเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียนและถูกจำคุกหลายครั้งเนื่องจากมีส่วนร่วมในการประท้วงต่อต้านเผด็จการ

ลี คยองลัน หนึ่งในนักศึกษาผู้เชียวชาญในการทำ Molotov cocktials ที่ทำจากทินเนอร์และขวดโซจู นอกจากนั้นเธอยังเรียนรู้จากการประท้วงว่าการใส่หน้ากากที่ยัดกระดาษทิชชู่ผสมกับยาสีฟัน ช่วยให้ทนอยู่ในแก๊สน้ำตาได้นานขึ้นและไม่ทำให้ผิวไหม้

ช่วงเวลาในการประท้วง เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่เธอออกไปตามท้องถนนกับเพื่อนๆ พร้อมทั้งตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อเรียกร้องการเลือกตั้งและการปฎิรูปรัฐธรรมนูญ เธอเคยถูกจับถึงสองครั้ง และครั้งหนึ่งเธอถูกตำรวจจับศรีษะกระแทกเข้ากับรถบรรทุก นอกจากนั้นเพื่อนของเธอยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด

eastasiaforum

การประท้วงครั้งล่าสุดเมื่อปี 2016-2017 เธอได้ออกมาร่วมประท้วงกับลูกสาวและลูกชายที่เป็นคนรุ่นใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอร่วมประท้วงอย่างสงบโดยการถือเทียนเท่านั้น เธอกล่าวว่า ตอนนี้เธอและลูกๆกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ ตอนนี้เธอสามารถแสดงความคิดเห็นของเธอได้โดยไม่ต้องกังวลเลย

เมื่อเปรียบเทียบกับกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในอดีต สถานการณ์การประท้วงของไทยตอนนี้ ถือว่าเป็นการประท้วงอย่างสันติ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดก็อยู่ในความสนใจของสื่อทั่วโลกรวมถึงสื่อของเกาหลีใต้เช่นกัน

BBC

The Korea Times รายงานว่าประเทศไทยต้องเผชิญกับวัฏจักรการประท้วงและการทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากฝ่ายทหารตั้งแต่ปี 1932 และความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มขึ้นเมื่อประเทศต้องพบกับภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดช่วงหนึ่งนับตั้งแต่ปี 1997 และได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19

ประชาชนมากกว่าล้านคนตกงาน และแสดงให้เห็นความเลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมของเศรษฐกิจไทยมากขึ้น ประชาชนมองว่ารัฐบาลเอื้อผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลเท่านั้น

ที่มา: The Korea Time

หากมีข่าวและสถานการณ์ที่น่าสนใจในเกาหลี พวกเราจะมาอัพเดตกันให้อีกนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube

✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ข่าวเกาหลี

โพสต์ที่น่าสนใจ

การประท้วงอย่างสันติวิธีในเกาหลี

ประเด็นการแต่งตัวของสส หญิงในสภา

ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังโควิด