symbol-logo
logo
logo
DEPRECATED_SearchIcon
DEPRECATED_SearchIcon
ทั้งหมด
ข้อมูลท่องเที่ยว
ที่พัก
สั่งซื้อสินค้า
เทรนด์เกาหลี
สถาบันสอนภาษา

ข้อมูลท่องเที่ยว การจอง
คุณหาไม่เจอหรือเปล่า?

ข้อมูลท่องเที่ยว คูปองส่วนลด

ข้อมูลท่องเที่ยว ข้อมูลท่องเที่ยว

เทรนด์เกาหลี
Kakao Friends จอนจู คอลแลคชั่นชุดฮันบก
อินสตาแกรม:kakaofriends_official ตัวละครที่น่ารักเหล่านี้มาพร้อมกับหน้ากากและชุดนักปราชญ์ขงจื้อเป็น Kakao Friends รุ่นจำกัดที่ออกมาใหม่ ชื่อของพวกเขาคือ (จากซ้าย) Jay-G, Ryan, Con, Apeach และ Tube คนเกาหลีทุกคนมีตัวละครโปรดของตัวเอง Ryan เป็นคนใจดี แต่เราชอบ Apeach ที่สุด! รุ่น 'Jeonju Confucian Friends' เป็นครั้งที่ 2 ที่ Kakao Friends ทำขึ้นเป็นรุ่นพิเศษสำหรับเมืองจอนจู ครั้งแรกคือ 'Jeonju Gamlae Friends' และได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อ Kakao Friends เปิดร้านในหมู่บ้านฮานก จอนจู อินสตาแกรม:kakaofriends_official อินสตาแกรม:kakaofriends_official กำลังคิดว่าภาพวาดเหล่านี้ดูน่ารักและเอ็นดูใช่ไหมล่ะ ย้อนกลับไปในสมัยก่อนมีเด็กหนุ่มนักปราชญ์ขงจื๊อจำนวนมากกำลังเรียนอยู่ในอาคารฮานก อาจจะหลับไปเหมือนกับ Jay-G และถูกลงโทษเหมือน Apeach ที่กำลังวาดรูปในชั้นเรียนก็ได้ อินสตาแกรม:kakaofriends_official INSTAGRAM:kakaofriends_official เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา รุ่นพิเศษของจอนจูคอลเลคชั่นใหม่เปิดการขายออนไลน์และขายหมดในเวลาไม่ถึ ง1 วัน ส่วนที่เหลือของผลิตภัณฑ์จะวางขายที่ร้าน Kakao Friends ในจอนจู อินสตาแกรม:kakaofriends_official อินสตาแกรม:kakaofriends_official ทีนี้ลองมาดูสินค้าของรุ่นเหล่าผองเพื่อนๆนักปราชญ์ จอนจู ซีรีย์นี้มีผลิตภัณฑ์ 26 ชิ้น เราได้ตุ๊กตานักเรียนที่น่ารัก, กล่อง Airpod, พวงกุญแจ, แก้วโซจู, พัดลมมินิ, กระจกมือถือและเครื่องเขียน พวกเขาออกแบบด้วยภาษาเกาหลี สไตล์นักปราชญ์ลัทธิขงจื้อและทำให้พวกเขามีรายละเอียดที่ดีและแตกต่าง อินสตาแกรม:kakaofriends_official อินสตาแกรม:kakaofriends_official อินสตาแกรม:kakaofriends_official อินสตาแกรม:kakaofriends_official อินสตาแกรม:kakaofriends_official Kakao Friends ยังทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งในการสร้างตัวละครที่น่ารักรวมกับการเอกลักษณ์ของนักปราชญ์จอนจู เราเกรงว่าสินค้าเหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ที่ร้านค้าออนไลน์อีกแล้ว เพราะพวกเขาขายหมดแล้ว แต่เพราะความนิยมของพวกเขา ก็ได้แต่หวังว่าคาเคาเฟรนด์จะเปิดตัวชุดที่ 2 สำหรับคนที่ไม่สามารถซื้อทันได้ตั้งแต่แรก หรือให้เราสามารถไปที่ร้าน Kakao Friends ที่จอนจูได้ด้วยตนเอง หากคุณมีคำถามหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับโพสต์นี้ โปรดแสดงความคิดเห็นด้านล่างหรือส่งอีเมลถึงเราที่ help@creatrip.com 🤞🏻 ✨ 🎈 อีเมล:help@creatrip.com โพสต์ที่น่าสนใจ ...
2 years ago
28503DEPRECATED_EyeIcon
5 สิ่งที่ควรทำเมื่อมาจอนจู
ถึงโซนอื่นของจอนจูจะได้รับการพัฒนาทางอุตสาหกรรมแล้ว แต่ด้านของหมู่บ้านฮันอกยังคงกลิ่นอายโบราณและรากเหง้าทางวัฒนธรรมของเกาหลีไว้อย่างเหนียวแน่น จากประสบการณ์ส่วนตัวของเราที่ไปจอนจูมาแล้ว 6 รอบ ขอบอกเลยค่ะว่า "Slow Life" คือคำที่เหมาะกับเมืองนี้เป็นที่สุด พอเดินทางจากโซลไปถึงปุ๊บ เหมือนนาฬิกาหยุดเดินเลย ชิลล์ๆ เหมือนเดินทางออกต่างจังหวัดที่ยังมีความเจริญอยู่ในตัว (แต่ลุงขับรถบัสไม่สโลว์ด้วยนะคะ ซิ่งกว่าที่โซลอีกค่ะ 555) นอกจากนี้ ด้วยความที่เมืองขายความเป็นหมู่บ้านฮันกสุด ๆ ป้ายเมือง ป้ายรถบัส ยันสะพานลอยเค้าก็ทำเป็นรูปทรงฮันอกอีกด้วย ใครได้มาลองสังเกตดูดี ๆ นะคะ มีอยู่ทุกที่เลย 5 อย่างที่ไม่ควรพลาดถ้าได้ไปเที่ยวหมู่บ้านฮันอก เมืองจอนจู 1. ใส่ชุดฮันบกถ่ายรูป ที่มา: Hanboknam มาถึงเมืองโบราณทั้งที จะใส่ชุดธรรมดาถ่ายรูปก็กะไรอยู่ แนะนำให้เช่าชุดฮันบกใส่ถ่ายรูปสวย ๆ ไปเลยค่ะ รับรองเข้ากับแบ็คกราวด์ที่เป็นหมู่บ้านฮันอกแบบสุด ๆ นอกจากนี้ ร้านเช่าชุดฮันบกที่จอนจูยังถือว่า ราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกันในโซล แถมยังมีบริการทำผม เช่ากระเป๋า รองเท้าในราคามิตรภาพอีกด้วย จ่ายเงินสดยิ่งถูกลงไปอีก นอกจากชุดฮันบกแล้ว เดี๋ยวนี้คนเกาหลีเค้าก็ฮิตเช่าชุดเรโทร สไตล์ Hotel del Luna หรือไม่ก็ชุดนักเรียนแบบสมัยก่อนใส่กันด้วยล่ะค่ะ ชอบแบบไหนไปลองเช่าใส่กันได้เล้ย~ 2. กินบิบิมบับ ที่มา: 한국집 มาถึงเมืองแห่งบิบิมบับทั้งที จะไม่ลองทานก็คงถือว่าพลาดอย่างรุนแรงเลยล่ะค่ะ เพราะเมืองจอนจูถือเป็นเมืองแห่งอาหารเกาหลีดั้งเดิม บางทีเดินๆ ในโซลหรือจังหวัดอื่นก็จะเห็นป้ายว่า ร้านอาหารจากจอนจูซึ่งสื่อถึงรสชาติแบบออริจินัลเกาหลีเน้นๆ โดยเฉพาะบิบิมบับที่ถือว่าเป็นอาหารชูโรงของที่นี่ทำให้มีเทศกาลบิบิมบับในจอนจูสิบกว่าปีมาแล้วค่ะ! นอกจากบิบิมบับแบบธรรมดา เราอยากให้ลองทานบิบิมบับเนื้อดิบ(육회 비빔밥) ดูสำหรับคนที่ทานเนื้อวัวและทานอาหารดิบได้ เพราะเนื้อดิบที่นี่อร่อยมาก แบบก.ไก่ล้านตัว กินแล้วฟินจริง ๆ ค่ะ 3. เดินชมโบราณสถานในละแวกหมู่บ้าน ที่มา: Korea Tourism Organization ในตัวหมู่บ้านฮันอกยังมีโบราณสถานอย่างศาลเจ้าคยองกีจอน รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ภาพวาดของพระราชาในสมัยก่อนอีกด้วยล่ะค่ะ เดินชมกันเพลินๆ ได้ความรู้ แถมยังมีที่ถ่ายรูปสวยๆ อย่างมุมป่าไผ่นี้ให้อีกด้วย ที่มา: Korea Tourism Organization นอกจากนี้ หมู่บ้านฮันอกยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายอีกมากมายเลยล่ะค่ะ สำหรับเราแล้ว ยกกล้องขึ้นถ่ายตรงไหนก็สวยไปหมดเลย แถมยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย 4. นอนที่บ้านฮานก เวลาที่ไปเที่ยว เราก็อยากจะดื่มด่ำกับแต่ละสถานที่ให้ได้นานที่สุดใช่มั้ยล่ะคะ? เราขอแนะนำให้พักที่ฮันอกในหมู่บ้านเลยค่ะ สะดวกมาก ๆ แถมได้ฟีลสุด ๆ ที่หมู่บ้านฮันอกจอนจูมีหลายบ้านเปิดเป็นเกสต์เฮ้าส์ให้พัก นี่คือวิวยามเช้าจากบ้านฮันอกที่เราไปพักมาค่ะ สวยสุดยอด แถมเงียบสงบอีกด้วย ตอนเช้า ๆ ยังไม่ค่อยมีคนออกมาเดิน ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเดินชมหมู่บ้านแบบไพรเวทซะเลย 5. แวะชมช้อปของ Kakao Friends Store สาขาจอนจู ถึงจะดูงง ๆ ว่า มาถึงหมู่บ้านโบราณทั้งที ทำให้ต้องแวะร้านกาเกาของจอนจูด้วยล่ะ? ขอบอกเลยว่า กาเกาสาขาจอนจูเค้ามีของลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มีขายเฉพาะที่สาขานี้เท่านั้น! แถมไม่มีขายออนไลน์อีกด้วยนะคะ ของน่ารักน่าซื้อสุดๆ ขนาดเราไม่ใช่สาวกของกาเกา เห็นแล้วยังอยากได้เลยค่ะ งื้อ~~ รับรองว่า สาวกของกาเกาหรือคนที่ชอบสะสมของน่ารัก ๆ ต้องชอบแน่นอน เป็นยังไงกันบ้างคะ? อ่านแล้วอยากไปเที่ยวจอนจูกันแล้วใช่มั้ยล่ะ~ ช่วงนี้จอนจูดูเงียบกว่าปกติเพราะนักท่องเที่ยวลดน้อยลงเยอะเลยล่ะค่ะ ร้านรวงบางแห่งต้องปิดทำการไป เห็นแล้วเศร้ามาก ๆ ไว้ไวรัสหายเมื่อไหร่ แล้วเราค่อยมาเจอกันที่เกาหลีนะคะ โพสต์ที่เกี่ยวข้อง ...
4 years ago
20215DEPRECATED_EyeIcon
อินชอนเตรียมเปิดสาย KTX
ซึ่งเดิมเป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางจากปูซานมายังสนามบินนานาชาติอินชอนเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสัดส่วนจำนวนผู้โดยสารและค่าใช้จ่ายที่สูง KTX ที่สนามบินอินชอนจึงถูกยกเลิกไปและหลังจากนั้นสถานีโซลจึงสถานีเริ่มต้นและสิ้นสุดของเส้นทาง หลังจากนั้นหากต้องการเดินทางจากสนามบินอินชอนไปยังเมืองอื่นๆนอกโซล วิธีที่เร็วที่สุดคือนั่งรถไฟฟ้าเข้าโซลและเปลี่ยนไปใช้ KTX หรือนั่งรถบัสเข้ามาจากสนามบินอินชอน แต่ชาวอินชอนมีความเห็นว่าเป็นอินชอนเป็นเมืองใหญ่ที่มีสนามบินนานาชาติตั้งอยู่ แต่กลับมีปัญหาการคมนาคมที่จำเป็นจะต้องเริ่มเดินทางโดยการเข้าโซลก่อน ดังนั้นจึงมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมใหม่ของอินชอน KTX ในที่สุดจึงมีการตกลงกันเพื่อให้บริการ KTX Incheon โดยเริ่มต้นจากสถานีซงโด และจะวิ่งไปตามสายซูอิน เชื่อมต่อกับสาย KTX Gyeongbu ที่สถานียูชอนเพื่อไปยังปูซาน (สายคยองบู) , ยอซู (สายจอลลา), ม็กโพ (สายโฮนัม) และเมืองอื่น ๆ สถานีซงโด โดยKorailจะเริ่มออกแบบ KTX Incheon ในวันที่ 13 กันยายน 2020เป็นต้นไป และเชิญผู้เข้าร่วมการประมูลในปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม ส่วนการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2025 เนื่องจากเป็นสาย KTX ที่จะมีการปรับเปลี่ยนเป็นอย่างมาก สถานีซงโด, สถานีโชจี, สถานียูชอน และสถานีอื่นๆในสายซูอิน จึงต้องมีการสร้างชานชาลาสำหรับจอดรถไฟ KTX และเชื่อมต่อกับสายคยองบูที่สถานียูชอนเพื่อเดินทางตรงไปยังเมืองทางตอนใต้ของเกาหลี ซึ่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 แสนล้านวอน รถไฟ EMU-320 ของ KTX Incheon เป็นรถไฟที่มีความเร็ว 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้นในการเดินทางจากอินชอนไปปูซาน 1 ชั่วโมง 55 นาทีเพื่อไปกวางจู และ 2 ชั่วโมง 10 นาทีเพื่อไปม็กโพ สถานีอินชอน การเปิดใช้เส้นทาง KTX Incheon และสายคยองกังคาดว่าจะช่วยปรับปรุงการพัฒนารถไฟสนามบินที่ 2 (제 2 공항철도) และโครงการรถไฟสนามบินที่ 2 จะเชื่อมต่อสถานีอินชอนกับรถไฟฟ้าสนามบินอินชอน และเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสาย 1 แม้ว่าในปี 2014 การวางแผนรถไฟสนามบินที่2 ถูกมองว่าไม่สามารถสร้างได้ แต่การเพิ่มเงื่อนไขอื่นๆเช่น สายซูอิน และ KTX Incheon จึงทำให้การก่อสร้างใหม่มีความเป็นไปได้มากขึ้น นอกจากนี้เทศบาลนครอินชอนยังกำหนดให้กระทรวงที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานเผยแพร่แผนการก่อสร้างทางรถไฟแห่งชาติฉบับที่ 4 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนนี้อีกด้วย ซึ่งคาด KTX Incheon อาจสร้างเสร็จในปี 2025 คราวนี้จะสามารถไปปูซานจากอินชอนได้แล้วโดยไม่ต้องเข้าโซล สะดวกมากจริงๆเลยค่ะ ถ้าหากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถเขียนคอมเมนท์ด้านล่างนี้ได้เลย หรือส่งอีเมล์มาหาเราได้ที่ help@creatrip.com เดี๋ยวเราจะรีบตอบกลับให้เร็วที่สุดค่ะ แล้วเจอกันใหม่โพสต์หน้าค่ะ! โพสต์ที่น่าสนใจ ...
4 years ago
15695DEPRECATED_EyeIcon
โซจู เป็นอาหารเกาหลีที่คนต่างชาติเกลียดที่สุด!
ส่งผลให้ทั้งการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ของเกาหลีได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ต่างๆรวมถึงอาหารไปยังหลายประเทศทั่วโลกค่ะ กระทรงเกษตร, อาหารและกิจการชนบทของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยผลสำรวจ "2020 Overseas Major Korea Food Consumer Survey" ซึ่งเป็นผลสำรวจจากชาวต่างชาติจำนวน 8,000 คน (รวมถึงคนเกาหลีที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ)จาก 16 เมืองใหญ่ทั่วโลกเช่น นิวยอร์ค, เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, โตเกียว, โรม, ลอนดอนและอีกหลายเมืองทั่วโลกค่ะ โดย 3 อันดับแรกที่ได้รับการโหวตว่าเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติคือ ไก่ทอด (13.3%) , กิมจิ (11.9%) และบิมบิบับ (10.3%) ซึ่งเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศและกิมจิ (33.6%) เป็นอาหารที่คนต่างชาติทานบ่อยมากที่สุดค่ะ ส่วนสิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับผลสำรวจนี้คืออาหารเกาหลีที่คนต่างชาติไม่ชอบมากที่สุดคือ โซจู (14.1%) ซึ่งค่อนข้างตรงกันข้ามกับการรับรู้ของหลายๆคน เพราะไม่ว่าชาวต่างชาติคนไหนที่มาเกาหลีก็ต้องขอลองดื่มโซจูเหมือนกับตัวละครในซีรีส์กันทั้งนั้น แล้วทำไมคนต่างชาติถึงเกลียดโซจู? Cr. จากการสอบถามเพื่อนต่างชาติรอบตัวและจากการสังเกตเราสังเกตได้ว่า ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะไม่ชอบโซจูรสชาติดั้งเดิมแต่จะนิยมดื่มรสผลไม้หรือรสที่ปรุงแต่งมากกว่า ซึ่งตรงข้ามกับคนเกาหลีที่นิยมดื่มเฉพาะรสชาติดั้งเดิมเท่านั้นค่ะ (รุ่นพี่เกาหลีเราบอกว่าโซจูรสผลไม้ก็เหมือนดื่มน้ำอัดลมไม่ใช่แอลกอฮอล์!) ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บอกว่า "เป็นเรื่องธรรมดาที่โซจูไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ" ด้านประธานของ Gwangju Yo Group ซึ่งผลิตโซจูตรา "ฮวาโย" (화요) กล่าวว่า "ในต่างประเทศมีประวัติศาสตร์การเลือกดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้ากับรสชาติของอาหาร" Cr. "แต่ในเกาหลีใต้มักจะมีการผสมโซจูแบบเจือจางลงไปในอาหารหลายประเภทด้วย" นอกจากนั้นโซจูยังมีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงเพราะเมื่อดื่มไปแล้วจะมีอาการเมาค้างและอาจมีการระคายเคืองบริเวณคอหลังจากการดื่ม" ค่ะ (จริงหรือเปล่า?) นอกจากนั้นชาวเกาหลีผู้ที่เดินทางไปยังต่างประเทศกว่า 36 ประเทศทั่วโลกพร้อมกับรถกิมจิฟู้ดทรัคเล่าว่า "แม้ว่าอาหารเกาหลีจะได้รับความนิยมาเป็นอย่างมากในเมื่องใหญ่ๆทั่วโลก แต่สำหรับโซจูนั้นได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่" ค่ะ สำหรับคนที่เคยลองดื่มโซจูก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าทำไมชาวต่างชาติถึงไม่ชอบโซจูมากเท่าที่ควร นั้นก็เพราะถึงแม้ว่าความจริงแล้วปริมาณแอลกอฮอล์ในโซจูจะเท่าๆกับปริมาณในเครื่องอื่มแอลกอฮอล์อื่นๆเช่น ไวน์ แต่ดูเหมือนว่ารสชาติของโซจูจะไม่ได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อการลิ้มรสของชาวต่างชาติค่ะ Cr. นอกจากนั้นตัวแทนของ Lotte Chilsung Beverage ยังได้บอกอีกว่า "รสชาติของโซจูเหมาะกับรสชาติเค็มและเผ็ดของอาหารเกาหลีอย่างเช่น ซัมกยอบซัลหรือกิมจิชิแก เพราะว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สูงแต่ราคาถูก ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนต่างชาติ" ค่ะ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเกาหลีแนะนำว่า หากต้องการทำให้โซจูเป็นที่ยอมรับในชาวต่างชาติก็ควรสร้างเรื่องราวของโซจูให้เหมือนกับเรื่องราวของไวน์หรือวิสกี้ นอกจากนั้นต้องแนะนำวิธีการดื่มโซจูตามแบบฉบับของคนเกาหลีให้คนต่างชาติรู้จัก เนื่องจากชาวต่างชาติหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับรสชาติของโซจูหรือมักกอลลีค่ะ แล้วทุกคนชอบดื่มโซจูของเกาหลีหรือเปล่าคะ? ไหนคนที่ไม่ชอบรสชาติและกลิ่นโซจูเหมือนเราคอมเมนต์มาบอกหน่อยนะคะ ส่วนคนที่ชอบก็คอมเมนต์บอกหน่อยว่าชอบรสชาติอะไร และชอบเพราะอะไร? ใครที่ยังไม่เคยลองดื่มโซจู เราว่าลองดูซักหน่อยก็ไม่เสียหายนะคะ แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ ✨Creatrip Instagram ...
4 years ago
58324DEPRECATED_EyeIcon
แม็กจู Vs โซจู คนเกาหลีชอบอะไรมากกว่ากัน?
มักกอลีและเหล้าเกาหลีอีกหลายอย่าง แต่สิ่งที่ทั้งคนต่างชาติและคนเกาหลีคุ้นเคยมากที่สุดก็น่าจะหนีไม่พ้นโซจูกับแม็กจูค่ะ แล้วทุกคนเคยสงสัยหรือเปล่าว่าแม็กจูและโซจู แตกต่างกันยังไง? ประเภท โซจู แม็กจู (เบียร์) ปริมาณ (cc) 360 (1 ขวด) 500 (1 กระป๋อง) ราคา 2000 วอน 2500 วอน ระดับแอลกอฮอล์ 75 25 ปริมาณแคลลอรี่ 648 cal 140 cal เมื่อเปรียบเทียบราคาแล้วก็จะเห็นว่าราคาของโซจูถูกกว่าแม็กจูนิดหน่อย แต่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นกว่าแถมยังมีแคลลอรี่มากกว่าด้วยค่ะ ถ้าอย่างนั้นคำพูดที่บอกว่าดื่มแม็กจูมากๆแล้วจะอ้วนก็เป็นเรื่องไม่จริง? ถ้าดูจากตารางเปรียบเทียบด้านบนแล้วโซจูดูเหมือนจะมีข้อได้เปรียบแม็กจูทั้งด้านราคา,ปริมาณแอลกอฮอล์และจำนวนแคลลอรี่ แสดงว่าคนเกาหลีต้องชอบดื่มโซจูมากกว่าหรือเปล่านะ? แม็กจู Vs โซจู จากผลการสำรวจเมื่อปี 2019 พบว่าคนเกาหลีจะดื่มแอลกอฮอล์ 8.5 วันต่อหนึ่งเดือน เมื่อเทียบกับปี 2015 (8.4 ครั้ง), 2016 (8.9 ครั้ง ), 2017 (8.8 ครั้ง ), 2018 (8.8) และลดลงมา 0.3 ในปี 2019 ค่ะ เมื่อสอบถามจากจำนวนคนที่ดื่มแอลกอฮอลพบว่า 36.9% ตอบว่า "ดื่มแม็กจู", 32.9% ตอบว่า "ดื่มโซจู" และ 20.1% ตอบว่า "ดื่มเหล้าพื้นบ้านของเกาหลี" ค่ะ แต่เมื่อถามว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ชอบมากที่สุดคืออะไร? Cr. คำตอบคือ อันดับที่ 1 แม็กจู 42.5% รองลงมาคือโซจู (24.9%) และเหล้าพื้นบ้าน (17.8%) สำหรับเหตุผลของผู้ตอบแบบสอบถามหลายคนบอกว่าแม็กจูมีรสชาติที่เบาและสดชื่นมีแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางและมีความชุ่มคอค่ะ แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีคนที่บอกว่าชอบโซจูมากกว่าเพราะ หาซื้อได้ง่ายกว่า, ราคาถูกและก็เข้ากับรสชาติอาหารเกาหลีได้ดีกว่าค่ะ แม็กจู Vs โซจู Cr. ความจริงแล้วสำหรับคนเกาหลีถ้าให้เลือกแม็กจู vs โซจู อย่างใดอย่างหนึ่งก็คงเป็นเครื่องยาก เพราะอย่างที่บอกว่าทั้งคู่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลักของคนเกาหลี จึงมีที่มาของเมนู "โซแม็ก" คือการรวมแม็กจูและโซจูในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ นอกจากนั้นแม็กจูและโซจู ยังเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีลักษณะการดื่มที่แตกต่างกัน โดยแม็กจูคือเครื่องดื่มที่เหมาะจะดื่มในอุณภูมิ 4-5 องศาแต่โซจูเหมาะที่จะดื่มในอุณภูมิ 21-25 องศาค่ะ Cr. แถมกลุ่มเป้าหมายของโซจูและแม็กจูก็แตกต่างกันด้วย โดยคนเกาหลีอายุช่าง 20-30 ปีจะดื่มทั้ง 2 อย่างในปริมาณที่เท่าๆกัน แต่สำหรับคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปจะชื่นชอบ "โซจู" มากกว่าค่ะ และถ้าแบ่งตามเพศพบว่าผู้ชายเลือกดื่มแม็กจู 55% และผู้หญิง 45% ค่ะ ในทางตรงกันข้ามพบว่าอัตราการดื่มโซจูของผู้ชาย : ผู้หญิงนั้นเท่ากับ 67:33 ซี่งค่อนข้างต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งนั้นก็อาจเพราะเหตุผลเรื่องรสชาติและความรุนแรงของระดับแอลกอฮอล์ค่ะ และอย่างสุดท้ายคือ แม็กจู คือเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อน และโซจู เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับหน้านาว แถมทั้งสองอย่างยังมีอาหารที่ควรจะทานคู่กันแตกต่างกันด้วยค่ะ Cr. สำหรับอาหารที่คนเกาหลีชอบทานคู่กับการดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดอันดับ 1 คือ ซัมกยอบซัล (หมูสามชั้น) เพราะมีรสชาติที่เหมาะกับการดื่มมากที่สุด และรองลงมาคือ ไก่ทอด, กิมจิชิเก ,ปลาหมึกหรือกระเทียม ,ผลไม้ , ซาชิมิ, ไส้ย่าง ตามลำดับค่ะ (หิวเลย ) ส่วนตัวเราคิดว่าคำตอบของคำถาม "คนเกาหลีชอบโซจู vs แม็กจูมากกว่ากัน?" คงหาคำตอบที่ชัดเจนได้ยาก (คำตอบอาจเปลี่ยนทุกปี) ก็คงเหมือนกับคำถามว่า "อาหารที่เป็นตัวแทนของประเทศผัดไทย vs ส้มตำ" ค่ะ ทั้งโซจูและแม็กจูเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลักของคนเกาหลี ที่แม้แต่คนต่างชาติก็ยังต้องขอลองซักครั้งค่ะ ถ้าให้ทุกคนเลือกระหว่างแม็กจู vs โซจู ทุกคนชอบเครื่องดื่มแบบไหนมากกว่ากันคะ? แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ ✨Creatrip Instagram ลี...
4 years ago
12804DEPRECATED_EyeIcon
สมาชิก APRIL เปิดใจเกี่ยวกับเหตุการณ์กลั่นแกล้งของฮยอนจู
คู่รวมเป็น 12 คู่ ซึ่งเป็นรองเท้าธรรมดาที่เกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ทุกคนจะได้รับไม่แพงและไม่มีเหตุผลที่จะขโมย ไม่ใช่ว่าเราเขียนชื่อเราไว้บนรองเท้าและเราไม่รู้ว่ารองเท้าคู่ไหนเป็นของใคร มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เราจะขโมยรองเท้าเพื่อรังแกใครซักคน สมาชิก 4 คนมีขนาดเท้า 230 ดังนั้นเราจึงมักจะใส่รองเท้าปะปนกัน ตอนนั้นเราแค่คิดว่า "ฉันใส่ผิดคู่" ไม่มีใครคิดว่า "มีคนขโมยพวกเขาด้วยเจตนาร้าย" คำเตือน: อภิปรายความคิดฆ่าตัวตาย สำหรับประเด็นที่ฮยอนจูพยายามฆ่าตัวตายเพราะถูกทุกคนรังแก สมาชิกกล่าวว่า "สมาชิกทุกคนกลัวฮยอนจู แต่เรารังแกและไม่สนใจเธอ? เป็นเรื่องไร้สาระ" และอธิบายต่อว่า "น้องชายของเธอเขียนว่าหลังจากที่เธอพยายามจะจบชีวิต เราก็รู้สึกผิดและขอโทษเธอ แต่นั้นไม่ใช่เลยเพราะเราไม่เคยเห็นหรือได้ยินว่าเธอพยายามจะปลิดชีวิตเธอ เพราะเราไม่รู้เราจึงไม่ได้ขอโทษเธอ" “ถ้าลองคิดดูใครจะไม่สนใจสมาชิกของพวกเขาเมื่อพวกเขาพยายามฆ่าตัวตายตัวเอง? เราคงจะไปเยี่ยมเธอทันที แต่เราไม่มีโทรศัพท์มือถือและไม่ได้ยินอะไรจากต้นสังกัด และเราทราบรายละเอียดหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น" cr: “เราพยายามปลอบโยนฮยอนจูที่ใช้ชีวิตอยู่ในหอพักอย่างลำบาก และยังมีวิดีโอคลิปฉลองวันเกิดของเธอด้วย เราไม่ได้ถ่ายทำเพื่อออกอากาศ แต่เราได้จัดปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ให้กับเธอ ฮยอนจูมีความสุขมากในตอนนั้น ถ้าเธอถูกรังแกจริงๆ วิดีโอแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้น" เมื่อถูกถามว่าได้พูดคุยกับฮยอนจูหรือไม่? พวกเธอตอบว่า "เธอมักจะพูดเสมอว่าเธอไม่ต้องการเป็นไอดอลและมันเป็นเรื่องยาก เธอบอกว่าอยากเป็นนักแสดง" พวกเธอเล่าต่อว่า "ตั้งแต่ฮยอนจูเป็นเด็กฝึก เธอมักจะพูดเสมอว่าเธอป่วย เธอมักจะพลาดการฝึกซ้อมและทำให้มันยากสำหรับเรา เธอยังพลาดตารางการแสดงดนตรี 2 รายการ" cr: theqoo "เมื่อวันที่ 11 กันยายน เธอไม่ได้มาซ้อมรายการ Music Bank ของ KBS ตอนนั้น เราไม่สามารถถ่ายรูประหว่างทางไปรายการและต้องเข้าไปทางด้านหลังของอาคาร เรายังจำภาพที่เราร้องไห้ได้อย่างชัดเจนเพราะเธอไม่ปรากฏตัวก่อนซ้อมและเราต้องซ้อมท่าเต้นแบบ 5 คนอย่างเร่งรีบ เธอกลับมาก่อนการแสดงสดโดยพูดว่า "ฉันควรจะยังทำการถ่ายทอดสด" ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่สามารถไปออกรายการในขณะที่โปรโมตเพลงนั้นได้และเราคิดว่าเราถูกลงโทษ "สำหรับกิจกรรมของเพลง Tinkerbell เธอไม่ปรากฏตัวในรายการ Show Champion ของ MBC เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม เธอไม่ปรากฏตัวแม้กระทั่งก่อนการถ่ายทอดสดและผู้จัดการของเราบอกให้เรากลับไปที่หอพักและพวกเราร้องไห้กันเยอะมาก วันรุ่งขึ้นต้นสังกัดบอกว่าเราต้องทำงานเป็นกลุ่มที่มีสมาชิก 4 คน ดังนั้นเราจึงทำงานออกแบบท่าเต้นตลอดทั้งคืนแม้แต่ในตอนนั้นเราแค่คิดว่าฮยอนจูต้องป่วยอีกแล้ว" สมาชิกยังพูดถึงเหตุการณ์ “คิมบับเน่า” ที่น้องชายของฮยอนจูพูดถึงว่า "เมื่อเรากลับมาที่รถหลังจากเสร็จสิ้นตารางงาน มีคิมบับอยู่ที่เบาะหลังของสมาชิกอายุน้อยที่สุดอยู่ ตอนนั้นมันคือเดือนพฤษภาคม และอาจเป็นเพราะเราทิ้งมันไว้ในรถทำให้มีกลิ่นเหม็น ฮยอนจูเริ่มฉีดน้ำหอมจำนวนมาก เยนาที่ไวต่อกลิ่นจึงปวดหัว เราจึงขอให้เธอหยุดฉีดน้ำหอมแต่เธอก็เริ่มกรีดร้องเหมือนอย่างเคย เธอตะโกนออกมาและผู้จัดการที่คุยโทรศัพท์ในตอนนั้นบอกให้เธอเงียบ แชวอนจึงบอกให้เธอลดเสียงลง ฮยอนจูเริ่มสาปแช่งเธอ และเธอยังตะโกนใส่เยนาว่า "ทำไมถึงถลึงตาแบบนั้น" วันรุ่งขึ้นเธอก็ไม่ปรากฎตัวที่รายการ Show Champion เราไม่คิดว่าเธอจะไม่มาเพราะเหตุนั้น เราแค่คิดว่าเธอป่วยอีกครั้งแต่เราไม่ได้เจอเธอหลังจากนั้น" เมื่อถามว่าทำไมเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น? พวกเธอตอบว่า "แม้ตอนนี้พวกเราจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในตอนนั้นบางคนอายุเพียง 14-15 ปีเท่านั้น การไอดอลในช่วงวัยรุ่นที่ต้องอาศัยแยกกันกับครอบครัวโดยไม่มีโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นเรื่องที่ยาก และเราก็ไม่สนิทกันในช่วงเวลาที่เป็นเด็กฝึกหัด นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องปกติที่เราไม่สามารถสนิทกับสมาชิกทุกคนได้หรือไม่ต้องการ การที่ทุกคนไม่สามารถเข้ากันได้เป็นความผิดขนาดนั้นเลยเหรอ? เกิร์ลกรุ๊ปทั้งหมดน่าจะเป็นแบบนั้น เราอาจอิจฉากันและเรารู้สึกเจ็บด้วยคำพูดถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่เราอดทนในขณะที่พยายามปรับตัวเข้าหากัน เราเชื่อว่าไอดอล ไอดอลรุ่นพี่และเด็กฝึกทุกคนจะเข้าใจเรา เมื่ออยู่ในหอพัก เราไม่สามารถพูดอะไรได้แม้ว่าจะอารมณ์เสีย ตอนนั้นทำแต่สิ่งที่ต้นสังกัดบอกให้ทำเท่านั้นและไม่มีเวลาแม้แต่จะดูแลกัน เราเริ่มคิดถึงกันและรู้ว่าเรามีค่าต่อกันมากแค่ไหนเมื่อเราแยกจากกันหลังจากผ่านไป 5 ปี แต่เนื่องจากฮยอนจูได้แยกออกไป เราหวังว่าเธอจะไม่โทษสมาชิกสำหรับความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญ" สำหรับอนาคตพวกเธอกล่าวว่า "ก่อนอื่น เราอยากจะขอโทษแฟนๆ ของเรา สมาชิกทุกคนทุ่มเททุกอย่างตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นเพื่อทำให้ APRIL เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แม้จะมีปัญหาบางอย่าง แต่เราอดทนกับมันได้ดี พวกเราไม่มีใครอยากให้วงหายตไปด้วยความอับอายภายใต้ชื่อว่าเป็น "กลุ่มกลั่นแกล้ง" จากการกล่าวอ้างของใครบางคนที่ไม่เป็นความจริง สมาชิกบางคนได้รับความเดือดร้อนจากความไม่จริงใจและการโกหกของฮยอนจู และมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่พวกเขาอยากจะตาย เราลังเลที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด แต่ตอนนี้เราทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออธิบายการเปิดเผยจนกว่าจะได้รับการแก้ไข "เราเข้าใจดีว่าตำรวจยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทน้องชายและเพื่อนร่วมชั้นของฮยอนจู นั่นก็หมายความว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าคำกล่าวอ้างนั้นเป็นเท็จและไม่ใช่ว่าเนื้อหาของโพสต์นั้นเป็นความจริง เราจะขอให้มีการสอบสวนอีกครั้งในข้อหาหมิ่นประมาทที่เกิดจากข้อมูลเท็จในเวลาที่เหมาะสม และเราหวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยผ่านการสอบสวนอย่างละเอียด สำหรับเหตุการณ์ก่อนที่ฮยอนจูจะออกจากกลุ่ม สมาชิก APRIL ตอบว่า "เมื่อพิจารณาถึงฮยอนจูที่กำลังมีปัญหากับชีวิตในหอพัก ต้นสังกัดอนุญาตให้เธอใช้โทรศัพท์มือถือ และก็อนุญาตให้เธอกลับบ้านในขณะที่โปรโมต แต่พวกเรามีช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะฮยอนจูกล่าวหาว่าเราเป็นอาชญากรเช่นกัน ฮยอนจูมักอ้างว่าสมาชิกคนอื่นขโมยของของเธอ "วันหนึ่งฮยอนจูบอกว่าเงิน 100,000 วอนหายไป และฮยอนจูกล่าวหาจินซอลที่อายุน้อยที่สุดซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องว่าเป็นผู้ร้าย และบอกว่ามันจะอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือในกระเป๋า และจินซอลก็ล้มลงกับพื้นและตะโกนด้วยความอับอายในขณะที่ถูกตรวจกระเป๋า เธอบอกว่ากระเป๋าของเราทั้งหมดควรได้รับการตรวจสอบ ดังนั้นเราเทกระเป๋าของเราทั้งหมดและรู้สึกเหมือนเราถูกปล้น เราไม่มีสิทธิ์ มันเกินทนจริงๆ จากการตรวจภาพกล้องวงจรปิดจากหอพักและนอกอาคารก็แต่ไม่พบการกระทำดังกล่าว มีอยู่ครั้งหนึ่งฮยอนจูอ้างว่า "เยนาและจินซอลชนและทำให้เธอสะดุดล้มในห้องซ้อม" เมื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่มีการกระทำดังกล่าว จากนั้นเธอก็เปลี่ยนสิ่งที่เธอพูดเพื่ออ้างว่าอยู่ในโถงทางเดินหน้าห้องน้ำ และก็ไม่มีภาพใดๆจากกล้องวงจรปิดที่บ่งบอกเหตุการณ์นั้น จากนั้นเธอก็เปลี่ยนสิ่งที่เธอพูดและอ้างว่าเธอถูกชนในห้องน้ำโดยไม่มีกล้องวงจรปิด หนึ่งในสมาชิกเล่าว่า “มีกางเกงซ้อมเต้นราคา 5,000 วอนที่ขายในศูนย์การค้าใต้ดินทั่วไป เป็นสีน้ำเงินและมีสไตล์เดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงแยกไม่ออก "ฉันหยิบมันออกมาใส่หลังจากที่แม่ใส่มันลงในลิ้นชัก และฮยอนจูก็พูดว่า "นี่มันกางเกงฉัน" ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกและถามว่า "ทำไมถึงเป็นกางเกงของเธอล่ะ"เธอตอบกลับมาว่า "ความยาวดูเหมือนกางเกงของฉัน" "มันทำให้ฉันกลายเป็นขโมยอีกครั้งและทุกคนก็วิ่งเข้ามา ความรู้สึกของฉันในขณะนั้นไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ ฉันคิดว่า "ถ้าฉันอยู่กับคนนี้ฉันจะกลายเป็นอาชญากร"' เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง สมาชิกของเราจึงเขียนอักษรย่อและตัวเลขบนของใช้ส่วนตัวและชุดชั้นในของเรา" สมาชิก APRIL กล่าวว่าพวกเธอแนะนำให้ฮยอนจูกินด้วยกัน แต่เธอจะตอบว่าเธอไม่ต้องการ “จากนั้นเธอก็ไปที่ต้นสังกัดและพูดว่า "พวกเขาไปกินโดยไม่มีฉัน" การโกหกแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกและเราถูกเรียกตัวและดุอีกครั้งต่อมาเราเครียดมากจนเราพูดว่า "มาซื้อเครื่องบันทึกเสียงกันเถอะ" เมื่อถามสมาชิกว่าพวกเธอเคยบอกให้ฮยอนจูหยุดไหม? และพวกเธอตอบว่า “ฮยอนจูไม่ได้ถามเราโดยตรง โดยปกติถ้าสิ่งของหายจะถามก่อนว่า "เห็นบ้างไหม?" แต่ธอไม่ทำและตรงไปที่บริษัทและบอกพวกเขาเลย จากนั้นเราทุกคนจะต้องรวมตัวกันและรับการปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากร ว่าเราแกล้งเธอ? ที่ไม่เป็นความจริง ขณะที่เธออ้างว่ามีการขโมยและความรุนแรง เราได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับบริษัทของเราแล้วแต่ไม่เคยพบว่าเป็นความจริง นอกจากฮยอนจูแล้วยังไม่มีใครเคยพูดว่าของหายหรือถูกเพิกเฉย ไม่มีอะไรคล้ายกันเกิดขึ้นหลังจากเธอออกจากหอพัก" เมื่อถามว่าทำไมพวกเขาถึงเชื่อว่าปัญหา "การกลั่นแกล้ง" เกิดขึ้นตั้งแต่แรก สมาชิกอธิบายว่า "ฮยอนจูป่วยอยู่เสมอและไม่ได้ฝึกซ้อม เธอเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ มันจึงน่ากลัว เราต้องระวังทุกคำพูดอย่างจริงใจแต่ในฐานะสมาชิกกลุ่มเดียวกัน เราทำงานอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจเธอ ดูแลเธอ และเข้ากับเธอเพราะเราต้องการปกป้องทั้ง APRIL และฮยอนจู" "สำหรับวันเกิดของฮยอนจูเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ก่อนที่เธอออกจากกลุ่ม เราได้จัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เธอเราไม่ได้ถ่ายวิดีโอนี้ออกอากาศ เป็นวิดีโอจริงจากงานวันเกิด เราปิดไฟและจัดปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ให้เธอ และฮยอนจูมีความสุขมากเมื่อเธอเป่าเทียน ถ้าเธอถูกรังแกจริงๆ แล้วเราแกล้งเธอจริงๆ คงไม่จัดงานวันเกิดอย่างมีความสุขหรอก" สมาชิกคนหนึ่งพูดถึงช่วงเวลาที่เธอซื้อรองเท้าให้ฮยอนจูในช่วงเวลาที่เธอไม่มีเงินเป็นของตัวเองและได้รับเงินช่วยเหลือจากแม่ของเธอ เธอเล่าว่าเธอใส่รองเท้าไว้ในล็อกเกอร์ของฮยอนจูพร้อมกับจดหมายว่า "ฉันหวังว่าออนนี่จะมีความสุข" ซึ่งฮยอนจูสวมรองเท้าตอนที่เธอปรากฏตัวในรายการ The Unit ทำให้ฉันมีความสุขมาก ถ้าฉันใช้ความรุนแรงกับเธอ เธอจะสวมรองเท้าเหล่านั้นในรายการทำไม ตอนท้ายของการสัมภาษณ์ สมาชิกได้แบ่งปันคำพูดที่พวกเธออยากจะพูดกับฮยอนจู "ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงลืมความทรงจำที่มีความสุขทั้งหมดกับสมาชิกและมีเพียงความทรงจำที่บิดเบี้ยว… น่าเสียดายจริงๆ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ การทำงานหนักของเราในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาจึงสูญเปล่า เราเจ็บปวดมากเพราะแม้แต่ครอบครัวของเราก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้ APRIL ถูกเรียกว่า "กลุ่มคนพาล" และแม้ว่าเวลาจะผ่านไป สมาชิกของเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยชื่อ "ผู้กระทำความผิดในการกลั่นแกล้ง" เราต้องการคำขอโทษจากฮยอนจูที่ทำให้เกิดเรื่องนี้และเราอยากให้เธอทำเรื่องทุกอย่างให้กลับเป็นเหมือนเดิมด้วยมือเธอ" ✨Creatrip Instagram ลี...
3 years ago
14919DEPRECATED_EyeIcon