เหตุการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับศาสนาและลัทธิที่เกิดขึ้นในเกาหลี!
4 เหตุการณ์เลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่เคยเกิดขึ้นในเกาหลีและสร้างความน่าตกใจและสะเทือนใจมาจนถึงปัจจุบัน !
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#ความเชื่อคนเกาหลี #ศาสนา
#วัฒนธรรมเกาหลี #คนเกาหลี
ปัจจุบันคนเกาหลีที่นับถือศาสนามีทั้ง ศาสนาคริสต์, ศาสนาพุทธและนิกายโปรเตสแตนต์ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่นับถือศาสนาใดๆค่ะ นอกจากนั้นยังมีนิกายต่างๆที่ตั้งตัวเป็นศาสนาแต่กลับมีพิธีกรรมและความเชื่อแปลกๆที่บางครั้งก็ผิดทั้งหลักกฎหมายและศีลธรรมค่ะ
วันนี้เราจะมาแนะนำเหตุการณ์เกี่ยวกับศาสนาในเกาหลีที่สร้างความตกตะลึงให้กับคนเกาหลีในอดีตค่ะ (จะมีเรื่องน่ากลัวหรือเปล่านะ )
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
เหตุการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับศาสนาที่เกิดขึ้นในเกาหลี!
คำทำนายจากโบสถ์ทามิชอนที่มีผลต่อคนกว่า 100,000 คน
เหตุการเริ่มต้นเมื่อมีหญิงตั้งครรภ์ในอินชอน ได้ไปพบสูตินารีแพทย์และบอกว่าเธอต้องการทำแท้ง พอหมอถามถึงเหตุผลการทำแท้งก็ได้รับคำตอบว่า "ก่อนวันที่ 28 เดือนตุลาคมยังไม่สามารถมีลูกได้" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นจากโบสถ์ทามิซอน (다미 선교회)
ผู้นำทางศาสนาของโบสถ์แห่งนี้คือ อี จังลิม ได้ตีพิมพ์หนังสือคำทำนายจากอนาคตเมื่อปี 1987 ซึ่งกลายเป็นเรื่องโต้เถียงกันมากในตอนนั้น ถ้าหากได้ยินเรื่องนี้ในปัจจุบันแน่นอนว่าหลายคนต้องบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อย้อนกลับไปตอนนั้นหนังสือเล่มดังกล่าวคือหนังสือขายดีที่สุดและมีคนหลายคนที่กลายเป็นผู้ศรัทธาในโบสถ์ทามิชอน
เพียงก่อตั้งเป็นเวลา 4 ปี ก็มีสาขาในประเทศเกาหลี 92 แห่ง, ต่างประเทศ 40 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นแรงศรัทธาที่มากมาย แค่ในเกาหลีก็มีสมาชิกประมาณ 100,000 คนเลยทีเดียว
อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนศรัทธาในหนังสือคำทำนายอนาคต (다가올 미래를 대비하라)? เนื้อหาบางส่วนของหนังสือกล่าวว่า
"ในปี 1999 จะเป็นจุดจบของโลกและก่อนหน้านั้น 7 ปีคือเมื่อวันที่ 28 เดือนตุลาคม 1992 เวลาเที่ยงคืนจะเป็นเวลาที่พระเยซูจะเลือกคนที่จะได้ไปสววรค์"
"สำหรับที่ไม่ถูกเลือก 1 พันล้านคนจะต้องสลายหายไป เครื่องบินจะตก คนจะตายทั้งหมด และก่อนการมาถึงของเหตุการณ์โลกแตกผู้คนจะต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน"
แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้คนเลือกจะเชื่อในคำทนายที่ฟังดูเหมือนเทพนิยายแบบนี้ ?
เหตุผลที่คนเชื่อในคำทำนายก็เพราะคำพูดของบาทหลวงอี จังลิมที่บอกว่า "ร่างกายของคนที่ถูกเลือกจะลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็ว" คนที่ไม่ทันคิดอย่างถี่ถ้วนก็หลงเชื่อคำพูดนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความจริงแล้วเนื้อหาที่บาทหลวงอี จังลิมพูดนั้นเป็นการตีความจากพระคัมภีร์จากตัวของเขาเอง
ที่มา : SBS
จากความเชื่อเลือก "ผู้ถูกเลือก" จากโบสถ์ทามิชอนสร้างความโกลาหลอย่างมากในเดือนตุลาคมปี 1992 ผู้ศรัทธาทั้งหมดเชื่ออย่างสนิทใจเรื่องการถูกเลือก ต่างพากันลาออกจากงาน, ละทิ้งทรัพสินทุกอย่างและบริจาดของมีค่าทั้งหมดให้กับโบสถ์
หลังจากนั้นสมาชิกโบสถ์ได้รวมตัวกันเพื่อทำการสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน เกิดเหตุการนักเรียนชั้นมัธยมต้นกินยาฆ่าตัวตายเพราะพ่อแม่ของพวกเขาไม่อนุญาตให้ไปโบสถ์ นอกจากนั้นมีเหยื่อที่เป็นเด็กที่ถูกจับเพราะหนีออกจากโบสถ์
แล้วผลลัพท์ของวันที่ 28 เดือนตุลาคมปี 1992 ที่พวกเขารอคอยเป็นยังไง?
คนเกาหลีและนักข่าวที่ไม่เชื่อในคำทำนายกว่า 3,000 คนได้รวมตัวกันที่หน้าโบสถ์ และผู้ศรัทธาได้รวมตัวกันตั้งแต่เวลา 20:00 น. เพื่อรอเวลาแห่งการเลือกในเวลา 24:00 น. โดยพวกเขาได้สวมชุดสีขาวและร้องเพลงสวดมนต์กันตลอดคืนจนถึงเวลาเที่ยงคืน
1เมื่อใกล้เวลาเที่ยงคืนผู้ศรัทธาทั้งหมดเฝ้ามองนาฬิกาอย่างใจจดใจจ่อ และสุดท้ายนาฬิกาก็บอกเวลาเที่ยงคืนตรง! แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น ผู้ศรัทธาทั้งหลายเริ่มรู้สึกอึดอัดใจและรู้สึกประหลาด จนมีผู้ประกาศออกมาว่า "ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย"
หลังจากเวลาเที่ยงคืนก็เกิดความโกลาหลเกิดขึ้น ผู้คนต่างทะเลาะกันและทำร้ายร่างกายกันเพราะต้องการหาญาติที่อยู่ภายในโบสถ์ มีแม่คนหนึ่งพูดกับลูกชายของตัวเองผ่านสำนักข่าวว่า "ลูกเป็นคนถูกเลือกหรือเปล่า?"
ที่มา : SBS
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านพ้นไป ความศรัทธาของผู้คนก็หายไปเช่นกัน บาทหลวงอี จังลิมถูกจับในข้อหาฉ้อโกงและมีการค้นพบตั๋วเงินสดของสมาชิกอีกด้วย แต่ถึงแม้เพราะคำพูดของอี จังลิมจะสร้างความสั่นสะเทือนให้ผู้คนถึง 100,000 คนแต่เขากลับได้รับโทษเพียง 1 ปีเท่านั้น และตอนนี้เขาก็ได้เปลี่ยนที่อยู่และเปลี่ยนชื่อเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
นอกจากนั้นว่ากันว่าคนที่เป็นผู้ศรัทธาจากโบสถ์ทามิชอน ได้ก่อตั้งโบสถ์และศาสนาความเชื่ออื่นๆ จนกลายเป็นประเด็นโต้เถียงกันเรื่อยมา
โรงงานโอแดยัง กับผู้คนที่หายไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เดือนสิงหาคมปี 1987 ในจังหวัดคยองกีที่โรงงานชื่อว่าโอแทยัง (오대양) มีการพบศพของคนงานจำนวน 32 คน ที่บริเวณโรงอาหารภายในโรงงานมีการพบศพครอบครัวของพัค ซุนจาเจ้าของโรงงานและคนงานจำนวนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายพร้อมๆกัน
ที่มา : SBS
พัค ซุนจา
คำสัมภาษณ์ของพัค ซุนจาบอกว่า "ให้ฉันอยู่กับคนที่เหลืออยู่และคนผู้น่าสงสารพวกนี้เถอะ" ทำให้ผู้คนมากมายต่างรู้สึกตื่นตันกับคำพูดของเธอ ประกอบกับภาพลักษณ์การเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จและผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็ก
จากภาพลักษณ์อันดีงามทำให้คนรอบตัวเธอให้ยืมเงินกว่า 8 พันล้านวอนเพื่อขยายกิจการและสร้างโรงงานโอแดยัง (오대양)
มีเหตุการณ์ที่เจ้าหนี้และภรรยารายหนึ่งที่ไปที่โรงงานเพื่อรับเงิน 5 พันล้านวอน แต่ก็ถูกคนงานจำนวน 13 คนทำร้ายร่างกายและสุดท้ายก็ต้องยอมเซ็นต์สัญญาเพื่อยกเลิกหนี้ซึ่งมีรายงานว่าตำรวจอยู่เบื้องหลัง
โดยทางตำรวจได้จับกุม 13 คนงานและทำการสอบสวนแต่สุดท้ายก็ปล่อยตัวพวกเขาไป
วันที่ 25 สิงหาคม 1987 ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการสอบสวนพัค ซุนจาได้หลบซ่อนตัวพร้อมกับผู้คนประมาณ 80 คนรวมทั้งพนักงานโรงงานโอแดยังและเด็กๆที่สถานดูแลเด็ก
หลังจากนั้นตำรวจที่สังเกตเห็นความรู้สึกผิดปกติและได้รวบรวมรายงานที่เกี่ยวข้องกับพัค ซุนจาและมีเจ้าหนี้จำนวนมากที่บอกว่าพวกเขายังไม่ได้รับเงินคืนจากเธอ
ตำรวจเปลี่ยนคดีจากการทำร้ายร่างกายเป็นการฉ้อโกงครั้งใหญ่และต้องการจับตัวพัค ซุนจา
แต่พัค ซุนจาและคนอีกประมาณ 80 คนกลับได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อมีการเข้าไปยังโรงงานเพื่อหาร่องรอยกลับพบแต่ป้าจางที่ทำงานที่ร้านอาหารเพียงคนเดียว
เมื่อสอบถามเธอตอบว่า "ฉันไม่เคยเห็นเลย ทำไม?" และดูเหมือนเธอจะไม่รู้จริงๆ หลังจากนั้นหนึ่งวันสองหรือสามวันก็ไม่มีความคืบหน้าและเมื่อทุกคนยอมแพ้ก็มีโทรศัพท์จากป้าจางโทรเข้ามา
โดยป้าบอกว่า "จริงๆแล้วคนที่ตามหาอยู่ในโรงงานทั้งหมด แต่ว่าสถานการณ์มันออกจะแปลกๆหน่อย" ตำรวจได้รีบเข้ามายังโรงงานหลังจากทราบข่าวนี้และพบศพ 32 ศพถูกทิ้งไว้ในช่องว่างใต้หลังคา
สิ่งที่น่าแปลกก็คือถึงแม้ทุกคนจะถูกบีบคอโดยคนๆเดียว แต่ก็ไม่มีวี่แววของการต่อสู้ขัดขืนของอีก 31 คนที่เหลือ โดยพวกเขาดูเหมือนว่าจะฆ่าตัวตายเอง
นอกจากนี้ตำรวจพบเศษกระดาษที่ฉีกขาดในช่องว่างใต้หลังคา กระดาษนี้เต็มไปด้วยประโยคต่างๆเช่น "ถ้าปิดปากแกคนเดียวได้ก็พอ", "มีแต่แกเท่านั้นที่ปลอดภัย", "เมื่อประมาณ 4 ชั่วโมงก่อนหน้าที่มี 5 คนที่ไปแล้ว (ตาย)"
แล้ว "แก" ที่เขียนอยู่ในข้อความนี้เป็นใคร ?
พยานคนสำคัญคือป้าจางคนที่ทำงานในโรงอาหารนั้นเอง
จากการสอบสวนอย่างต่อเนื่องก็ได้รับคำสารภาพจากป้าจางซึ่งทำให้ตำรวจตกใจเป็นอย่างมาก ในความเป็นจริงพัค ซุนจาประธานบริษัทหัตถกรรมพื้นบ้านโอแทยังเป็นนักบวชจริงๆและพวกเขาก็เป็นผู้ศรัทธา
ในหมู่ผู้ศรัทธาทั้งหมดป้าสารภาพว่าป้าเป็นคนสุดท้ายที่มีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย
ที่มา : SBS
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวกันว่าบริษัทที่ชื่อว่าโอแดยังเป็นบริษัทปลอมและเป็นองค์กรทางศาสนา โดยพัค ซุนจาประธานบริษัทอ้างว่าครั้งหนึ่งเธอได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง แต่ก็สามารถเอาชนะมันได้ด้วยการอธิษฐานเพียงอย่างเดียว
เธอยังแสดงตัวว่าเป็นผู้ที่ถูกเลือกและเป็นผู้ช่วยที่จะนำพาผู้คนให้รอดพ้นเพื่อดึงดูดผู้ศรัทธา โดยการแสร้งทำเป็นนักสังคมสงเคราะห์และเปิดโรงเรียนอนุบาล
หลังจากสร้างความไว้วางใจจากผู้ศรัทธาเธอก็ยืมเงินจำนวนมากและจ้างเจ้าหนี้เป็นพนักงานของโรงงาน รวมถึงสร้างความศรัทธาไปพร้อมๆกัน
มีการสันนิษฐานกันว่าพัค ซุนจาและผู้ศรัทธาที่ดำเนินธุรกิจทางศาสนาด้วยเงินจำนวนมากในที่สุดไม่สามารถหาเงินมาได้อีกจนเกิดความสิ้นหวังและเลือกความตาย
ความตายของ 464 ชีวิตจากแพคแบคคโย (백백교)
เรื่องเกี่ยวกับศาสนาที่เลวร้ายที่สุดในเกาหลีคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยแพคแบคคโย (백백교) เมื่อปี 1920~30 ว่ากันว่าในตอนนั้นบริเวณนั้นเต็มไปด้วยคนจำนวนมากที่ทาหน้าตัวเองให้ขาว
ที่มา : ภาพยนตร์เรื่อง 백백교
"เมื่อประเทศอยู่ในภาวะสับสนหากคุณบริจาคและไปที่หลบภัย (กำหนดโดยแพคแบคคโย) คุณจะมีชีวิตเป็นอมตะและมีความสุขกับความมั่งคั่งและร่ำรวย"
นี่คือหลักคำสอนของแพคแพ็กคโย จะเห็นว่าเป็นองค์กรทางศาสนาระดับต่ำที่ไม่ใช้ตรรกะของดองฮัก (ศาสนาที่ปรากฏในช่วงปลายสมัยโชซอน) ศาสนาคริสต์และหนังสือพยากรณ์จาก ปลายราชวงศ์โชซอน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ที่วุ่นวายของโชซอนภายใต้การครอบงำของญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษที่ 1920-30 ทำให้ผู้คนในยุคนั้นมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในการครอบงำหรือการชักจูงของพวกนอกรีตและศรัทธาในแพคแบคคโยอย่างรวดเร็ว
ที่มา: ภาพยนตร์เรื่อง 백백교
นอกจากนี้แพคแบคคโยได้ทำการหลอกลวงซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมากเมื่อ 90 ปีก่อน ในช่วงเวลาที่ทองคำมีค่า เขาได้เตรียมทองคำเอาไว้ล่วงหน้าในเหมืองและแสดงให้ผู้คนเห็นภาพลักษณ์ของนักบวชเพื่อค้นหาทองคำด้วยพลังลึกลับ
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้คนในเวลานั้นจึงเชื่อว่า "ถ้าเชื่อในศาสนานี้จะทำให้ร่ำรวย"
ที่มา: ภาพยนตร์เรื่อง 백백교
การเข้าร่วมกับศาสนาแพคแบคคโยจะต้องทำยังไง? ผู้ชายจะต้องบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดและผู้หญิงจะต้องมีเพศสัมพันธ์กับผู้นำทางศาสนา
แน่นอนว่ามันเป็นเงื่อนไขที่น่าตกใจมาก แต่ในเวลานั้นหากมีผู้ที่ไม่พอใจกับเงื่อนไขนี้แพคแบคคโยจะคอยจับตามองและหาทางทำลายบุคคลนั้น
หากว่ามีผู้ศรัทธาหญิงคนไหนที่สร้างความเกลียดชังหรือเกิดตั้งครรภ์ก็จะถูกฆ่าทิ้งรวมถึงครอบครัวของเหยื่อด้วย
การฆาตกรรมดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาเลย
นอกจากนั้นใบรรดาผู้ศรัทธายังมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจในกลุ่มและสังหารกัน อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ "การฆาตกรรม" เป็นหนึ่งในวิธีการจัดการของผู้ศรัทธา
นอกจากนี้ผู้นำของกลุ่มศาสนานี้กล่าวว่าพวกเขาจะขนย้ายศพผู้ศรัทธาที่เสียชีวิตด้วยจักรยานและข้ามไปเขตจองโนเพื่อนำศพไปทิ้งในแม่น้ำฮัน ไม่ว่าจะผ่านมาถึง 90 ปีที่แล้วแต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากเมื่อได้รับรู้
ที่มา : OCN ซีรีส์ 구해줘
ดังนั้นตัวตนของอาชญากรในหน้ากากของกลุ่มศาสนาที่ไร้สาระนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?เป็นของชายหนุ่มที่พ่อของเขาตกหลุมรักแพคแบคคโย
มีเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกตกใจมากที่พ่อของเขามอบลูกสาวให้กับผู้นำทางศาสนาในฐานะสมาชิก เขารู้สึกโกรธที่น้องสาวของเขาใช้ชีวิตในฐานะผู้นำทางศาสนา โดยเขาได้พยายามบอกเล่าเรื่องราวของแพคแบคคโยผ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ
หลังจากนั้นความเป็นจริงของแพคแบคคโยถูก็กเปิดเผยในวงกว้างทำให้ผู้นำของแพคแบคคโยทั้งหมดถูกจับยกเว้นผู้นำสูงสุด
ผู้นำทุกคนของแพคแบคคโยซึ่งฆ่าคนประมาณ 100 - 200 คนต่อคนถูกประหารชีวิตทั้งหมดและพบว่านักบวชจอน ยงแฮซึ่งหลบหนีไปในเวลานั้นถูกพบว่าฆ่าตัวตาย
เหตุการณ์ของแพคแบคคโยส่งผลกระทบอย่างมากในโชซอน เนื่องจากเป็นเหตุฆาตรกรรมคนจำนวนมากถึง 400-500 คนที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและถูกกระทำโดยนักบวช
การเต้นประหลาดและศาสนาอากาดงซัน (아가동산)
คิม คีซุนหัวหน้าของ "อากาดงชัน" (아가동산) เป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี 1970 เธอใช้ชีวิตแห่งศรัทธาที่โบสถ์จูฮยอนมีเรื่องแปลกๆ มากมายเกิดขึ้นที่โบสถ์จูฮยอนแห่งนี้
ไม่เพียงทำร้ายสมาชิกคริสตจักรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหตุการณ์การเต้นรำเปลือยที่สมาชิกในโบสถ์ถอดเสื้อผ้ากอดและเต้นรำทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
นอกจากนี้ยังมีการทำร้ายเพื่อนผู้ศรัทธาที่มายังคริสตจักร และในไม่ช้าคิม คีซุนก็ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือนและในปี 1981 คริสตจักรจูฮยอนก็ถูกยกเลิกไป
แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น......
หลังจากถูกปล่อยตัวคิม คีซุนได้ซื้อที่ดินประมาณ 4,000 พย็อง (ประมาณ 13,000 ตร.ม. ) ในจังหวัดคยองกีเพื่อสร้าง "อากาดงชัน" (아가동산) เพื่อรวบรวมผู้ศรัทธาและสร้างศาสนาชื่อ "อากาดงซัน'
โดยมีการชักนำผู้ศรัทธาจากโบสถ์จูฮยอนที่ถูกยกเลิกไปด้วย
ในอากาดงซัน คิม คีซุนจะเรียกคนอื่นๆว่า "เด็กๆ" โดยหลักคำสอนของโปรเตสแตนต์ยกเว้นเรื่องพระเยซู
โดยคิม คีซุนได้ยกตัวเองว่าเป็นเด็กทารกอายุ 3 ปีดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ไม่เป็นบาป
วิดีโอด้านบนเป็นวิดีโอที่บันทึกพฤติกรรมแปลกๆที่เกิดขึ้นในอากาดงซันที่ได้จาก MBC เมื่อปี 1996 โดยในวิดีโอมีคนมากมายที่เข้าร่วมกลุ่ม
มันน่าทึ่งมากกับการเล่นและร้องเพลงสวดมนต์ของคิม คีซุนและเธออยู่ในชุดที่สวยงามโบกมืออย่างสดใสในกระถางดอกไม้
นอกจากที่นี่ยังเป็นฟาร์มเพาะปลูกที่ใช้แรงงานโดยทั่วไป ผู้ศรัทธาที่อาศัยอยู่ในชุมชนและทำงานร่วมกันอย่างทั่วถึงในระหว่างวันทำงานในฟาร์มในตอนกลางวันและในเวลากลางคืนพวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบ
แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไปและมีการข่มขืนและฆาตกรรมมากมายในสถานที่แห่งนี้
กลุ่มอากาชินซันเริ่มพังทลายลงเมื่อพบว่าผู้ศรัทธา 3 คนถูกสังหารเมื่อปี 1987 โดยมีชเวอายุ 7 ขวบถูกปล่อยให้อดอาหารและถูกทุบตีเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากไม่เชื่อในตัวอาจารย์ใหญ่
นอกจากนั้นยังมีคังอายุ 21 ปีถูกฆ่าตายเพราะคบกับหัวหน้าคริสตจักรและ มู ยุนผู้จัดการสวนก็ถูกฆาตกรรมด้วยเพราะไม่ฟังหัวหน้าคริสตจักร ในที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผยและมีผู้บริหารหลัก 4 คนถูกจับกุม
นอกจากนี้ประมาณเดือนธันวาคมปี 1996 อดีตผู้ศรัทธาประมาณ 30 คนที่อ้างว่าเป็นเหยื่อของอากาดงซันได้ยื่นคำร้องต่อการฟ้องร้องและเปิดเผยตัวตน แต่คิม คีซุนถูกตัดสินว่ามีความผิดเพียงข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีและการยักยอกและถูกตัดสินจำคุก 4 ปีและปรับ 5.6 พันล้านวอนเท่านั้น
แม้ว่าผลการพิจารณาคดีจะออกมาโดยไม่มีการตั้งข้อหาสำหรับการการสังหารและใช้ความรุนแรง แต่ก็มีหลายความคิดเห็นว่ามีบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากยังมีเหยื่อไม่กี่รายที่ให้การเป็นพยาน
นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นมากมายว่าการลงโทษนั้นเบาเกินไปเมื่อเทียบกับความผิดฐานเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นและในอดีตมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายมากมาย
นี่ก็คือ 4 เหตุการณ์เลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่เคยเกิดขึ้นในเกาหลีใต้ แต่ล่ะเรื่องอ่านแล้วก็สะเทือนใจมากๆค่ะ ความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ทุกความเชื่อมักจะสอนให้ทุกคนเป็นคนดีตามหลักศาสนา หากมีโอกาสได้เจอสิ่งผิดปกติจากความเชื่อแปลกๆก็ต้องรีบถอนตัวให้ไวที่สุดค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
โพสต์ที่น่าสนใจ |