สภาวการณ์การจ้างงานของเด็กรุ่นใหม่ในเกาหลี
สำหรับคนที่สมัครงานในเกาหลีที่มีคะแนน TOEIC 900 จำเป็นต้องมีประสบการณ์การฝึกงานหรือไม่? เงินเดือนเริ่มต้นของเด็กรุ่นใหม่เกาหลีคือ 40 ล้านวอน?!
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#ทำงานเกาหลี #หางานเกาหลี
#สมัครงานเกาหลี #เด็กจบใหม่
ปัจจุบันอัตราการแข่งขันเรื่องการหางานในเกาหลีค่อยๆเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กจบใหม่หลายคนที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อสมัครงานจนมีคำที่เรียกว่า “취준생” ย่อมาจาก 취업 준비생 ที่แปลว่านักเรียนที่เตรียมตัวเพื่อสมัครงานค่ะ นอกจากจะเหนื่อยกับการเตรียมตัวแล้ว พวกเขายังต้องเผชิญกับความกดดันที่อาจนำไปสู่โรคทางใจค่ะ
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์หางานในเกาหลี พร้อมทั้งบอกสถานการณ์การหางานในปัจจุบันของคนเกาหลี, เงินเดือนที่ควรได้รับให้ทุกคนได้หายสงสัยค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
สภาวการณ์การจ้างงานของเด็กรุ่นใหม่ในเกาหลี
อัตราการว่างงานของเด็กจบใหม่ในเกาหลี
"ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่าทำไมคนที่กำลังหางานในเกาหลีถึงฆ่าตัวตาย"
หัวข้อนี้ถูกโพสต์ลงในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งของเกาหลีเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการบอกเล่าความรู้สึกของเด็กเกาหลีที่กำลังเตรียมตัวสมัครงาน
ผู้เขียนเล่าว่าแม้จะสมัครหลายที่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ทั้งการเตรียมเอกสารบ่อยครั้งและแม้แต่การสัมภาษณ์สัมภาษณ์ก็ทำให้ความภาคภูมิใจในตนเองลดลงและไม่อยากจะพบปะผู้คนอีกต่อไป
รายงานที่บอกว่าตอนนี้มีผู้เตรียมตัวสมัครงานมากกว่า700,000คน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะพยายามหางานทำมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าปัญการว่างงานนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากภาครัฐและองค์กรใหญ่ๆ เนื่องจากคนรุ่นก่อนมักมองว่าปัญหาการว่างงานของคนรุ่นใหม่เกิดเพราะคนรุ่นใหม่ขาดความพยายาม
คาดกันว่าคนเกาหลีที่กำลังหางาน 9 ใน 10 คนจะตกอยู่ภายใต้ความเครียดจากการเตรียมตัวที่มากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหัวใจ,ภาวะซึมเศร้าหรือโรคทางใจอื่นๆ
อัตราการว่างของคนรุ่นใหม่ปี 2020 ในเกาหลี 8.9%
ผลการสำรวจประจำปี 2020 พบว่าในกลุ่มประเทศ OECD ภาวะการว่างงานกลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศเกาหลีมีความรุนแรงเป็นพิเศษ จากผลการวิเคราะห์ตัวชี้วัดการจ้างงานคนรุ่นใหม่ของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเกาหลีในประเทศ OECD เป็นเวลา 10 ปีตั้งแต่ปี 2009 - 2019 อัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ (อายุ 15-29 ปี) ลดลง 4.4% ในขณะที่อัตราในเกาหลีเพิ่มขึ้น 0.9%
โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศหลักๆได้แก่ สหรัฐอเมริกา 8.1% P (14.5% → 6.4%) สหราชอาณาจักร 6.5% P (14.4% → 7.9%) เยอรมนี 5.3% P (10.2% → 4.9%) สวีเดน 4.5% P (18.2% → 13.7%) , ญี่ปุ่น 4.4% P (8.0% → 3.6%) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกับเกาหลี
ในบรรดากลุ่มประเทศ OECD 37 ประเทศ พบว่า ุ6 ประเทศมีการว่างงานของคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นและในจำนวนนั้นคือกรีซและอิตาลีซึ่งประสบกับวิกฤตการคลัง และเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเกาหลี
ส่งผลให้อันดับอัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ในเกาหลีอยู่ที่อันดับ 5 จาก 37 กลุ่มประเทศ OECD ในปี 2009 แต่ในปี 2019 เกาหลีใต้กลายเป็นอันดับที่ 20 ซึ่งแสดงให้เห็นความวิกฤตในเกาหลี
การจ้างงานเด็กรุ่นใหม่
อายุที่เหมาะสมกับการหางาน
คนเกาหลีกว่า 70% จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ดังนั้นผู้ชายจึงเริ่มเตรียมงานทันทีหลังจากปลดประจำการจากทหารตั้งแต่อายุประมาณ 26-27 ปีและผู้หญิงอายุ 23-24 ปี การเตรียมตัวเพื่อหางานเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำทันทีหลังจากที่จบการศึกษา
ตัวอย่างเช่น หากนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ก็ควรที่จะหางานทำให้ได้ตั้งแต่ปลายปี 2020 นั่นหมายความว่าทุกคนจะได้แสดงความยินดีในงานรับปริญญา
เนื่องจากการหางานทำทันทีที่จบสำเร็จการศึกษาถือเป็นเรื่องที่ดี จึงเป็นเรื่องปกติมากในเกาหลีที่จะเลื่อนการสำเร็จการศึกษาออกไป เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทต่างๆมักจะชอบคนที่กำลังจะจบการศึกษามากกว่าผู้ที่จะจบการศึกษาแล้ว
นั้นเพราะว่าช่วงระยะเวลาก่อนจบการศึกษาไปจนถึงได้งาน ผู้สมัครจะมีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่า เป็นผลให้นักศึกษาหลายคนสมัครเข้ารับการทดลองเพื่อรักษาสถานะนักศึกษาให้นานขึ้นจะได้ไม่ต้องเตรียมตอบคำถามสัมภาษณ์ว่าทำอะไรในระหว่างการหางาน
แล้วอะไรคือเหตุผลที่นักศึกษาที่เตรียมหางานจะได้งานทำทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษาและลดระยะเวลาการหางานลง นั้นเพราะมีข้อจำกัดเรื่องอายุสำหรับการรับสมัครใหม่
อายุปกติของผู้ชายเกาหลีที่จะประสบความสำเร็จใน 30 ปีและ 28 ปีสำหรับผู้หญิง ดังนั้นเรื่องของอายุจึงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยในการตัดสินเรื่องงานของคนรุ่นใหม่ในเกาหลี
ตัวอย่างเช่น หากนักเรียนคนหนึ่งต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน พวกเขามักจะลังเลเพราะต้องใช้เวลาในการเรียนมากกว่านักเรียนคนอื่นๆถึงหนึ่งปี
เนื่องจากนักเรียนเกาหลีมีความกังวลว่าการหางานช้าไปปีครึ่งจะเป็นการลดโอกาส เพราะเหตุนี้คนเกาหลีมักจะกลัวและลังเลที่จะทำกิจกรรมอื่นๆเมื่อคนอื่นได้งาน
อัตราการแข่งขันในการสมัครงาน
ผลการสำรวจในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 จากบริษัทเป้าหมายทั้งหมด 177 แห่งที่เป็นแพลตฟอร์มการหางานพบว่าอัตราการแข่งขันเฉลี่ยสำหรับการจ้างงานใหม่ในปีที่แล้วคือ 36: 1
นี่เป็นเพียงตัวเลขเฉลี่ยแต่บริษัทขนาดกลางที่มีชื่อเสียงและองค์กรขนาดใหญ่อาจมีอัตราการแข่งขันสูงกว่า
ในปี 2019 โรงแรมShilla Stay ได้พสต์ประกาศบนอินเทอร์เน็ตรับสมัครคนเพื่อทำงานในโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งมีคน1,500 คนแห่มาสมัครภายในเวลา 10 วัน
ส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครเป็น "ผู้สำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยหรือสูงกว่า" แต่มีผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศและหลักสูตรสี่ปีได้ส่งประวัติย่อมาสมัครด้วย ด้านเจ้าหน้าที่ของ Shilla Stay กล่าวว่า "มีผู้สมัครมากเกินไป"
นอกจากนี้เป็นเรื่องปกติมากที่อัตราการแข่งขันของบริษัทขนาดใหญ่เกิน 100: 1
ที่SK Innovation ซึ่งเปิดรับสมัครเพียง 100 คนแต่มีผู้สมัครมากกว่า 10,000 คนและมีผู้สมัครประมาณ 6,500 คนที่สมัครงานกับ Kolmar Korea ซึ่งเปิดรับแค่ 60 คนเท่านั้น
การเปิดรับสมัครงานของบริษัทซึ่งถือเป็นงานที่มั่นคง มีผู้สมัครกว่า 11,597 คนที่เข้ามาสมัครงานที่ KOSPO ซึ่งเปิดรับ 84 คนและอัตราการแข่งขันสำหรับพนักงานสินเชื่อสาธารณะในฝ่ายบริหารและนักบัญชีของ Korea Gas Safety Corporation มีอัตราการแข่งขันสูงถึง 236.5:1
จะเห็นได้ว่าอัตราการแข่งขันของงานเช่น การจัดการ,การขาย,ด้านศิลปศาสตร์และด้านสังคมศาสตร์ค่อนข้างสูงกว่าอาชีพอื่นๆจากการสำรวจของ Job Korea พบว่าในสถานะของการรับสมัครใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 กลุ่มงานทั้งหมดสมัครงานโดยเฉลี่ย 8 ตำแหน่งและผ่านเพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น
ประเภทงาน | อัตราการสมัครงานต่อการผ่าน |
โดยรวม | 7.8 ครั้ง/1.8 ครั้ง |
งานด้านวิทยาศาตร์และวิศวกรรม | 8.0 ครั้ง/1.6 ครั้ง |
งานด้านมนุษยศาสตร์ | 7.6 ครั้ง/1.7 ครั้ง |
งานด้านบัญชี | 9.8 ครั้ง/1.7 ครั้ง |
งานด้านสังคมศาสตร์ | 7.1 ครั้ง/2.2 ครั้ง |
งานเกี่ยวกับทรัพยากรทางธรรมชาติ | 7.8 ครั้ง/2.2 ครั้ง |
งานด้านศิลปะ | 6.9 ครั้ง/1.3 ครั้ง |
ที่มา: JOB Korea
คุณสมบัติ
ปัจจุบันจำนวนงานลดลงและอัตราการแข่งขันเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้สมัครงานมุ่งมั่นในการสร้างคุณสมบัติของตัวเองเพื่อเพิ่มมูลค่า ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปรียบเทียบข้อมูลความแตกต่างของปี 1992 และปี 2014
ข้อมูลของนักศึกษที่จบการศึกษาจากคณะวรรณคดีเยอรมันเมื่อปี 1992 และปี 2014 ที่มีความต่างกันถึง 22 ปี โดยผู้สำเร็จการศึกษาในปี 1992 มีเกรดเฉลี่น 2.7 และไม่มีคะแนนทางภาษาในขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2014 มีเกรดสูง 3.64 และคะแนนภาษาอังกฤษสูง TOEIC 965 และ TOEIC Speaking Level 7
เห็นได้ชัดเจนถึงความแตกต่างของทั้ง 2 ยุคโดยผู้สำเร็จการศึกษาในปี 1992 มีเพียงใบอนุญาตขับขี่เป็นคุณสมบัติเดียว ในขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2014 มีข้อกำหนดในการทำงานบริการ 100 ชั่วโมง,มีประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยนและการศึกษาภาษาเยอรมัน รวมถึงมีการทดสอบความสามารถทางประวัติศาสตร์เกาหลี,การทดสอบความสามารถทางอักษรภาษาจีนปริญญาโทและมีใบรับรองความรู้คอมพิวเตอร์ MOS (Microsoft Office Specialist)
ผู้สำเร็จการศึกษาในปี 1992 ได้รับการแนะนำให้เข้าทำงานและสอบผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2014 ได้สมัครเข้าทำงานถึง 23 แห่งรวมถึงบริษัทขนาดใหญ่และองค์กรสาธารณะ ซึ่งก็ไม่ผ่าน
ดูเหมือนว่าในช่วงเวลา 20 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ดังนั้นทันทีที่นักศึกษาที่ลงทะเบียนปี 2020 นอกจากเรื่องการเรียนแล้วพวกเขายังต้องสร้างคุณสมบัติต่างๆเช่น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัท,งานพาร์ทไทม์ไปจนถึงคุณสมบัติด้านภาษาต่างๆ ใบอนุญาตคอมพิวเตอร์และการฝึกงาน
โปสเตอร์ให้สนับสนุนนักศึกษาจาก LG U+
หลายบริษัทต้องการส่งเสริมให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์และความรู้สึกในการหางานด้วยโครงการต่างๆ ซึ่งก็มีนักศึกษาหลายคนที่สมัครเข้าร่วมโครงการทดลองงานเพื่อสะสมประสบการณ์และเพิ่มคุณสมบัติในอนาคต
คุณสมบัติและข้อกำหนดในการเข้าทำงานบริษัทใหญ่ๆคืออะไร?
เนื่องจากอัตราการแข่งขันในบริษัทขนาดใหญ่ค่อนข้างสูง เราจึงได้รวบรวมคุณสมบัติจากผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากการสมัครงานเอามาเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน
1. ผู้ผ่านการคัดเลือกในงานที่สนามบิน (ด้านวิศวกรรม)
- คะแนนภาษา: TOEIC 940 คะแนน
- กิจกรรม: ได้รับรางวัล, เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานวิจัยหรือเคยได้รับรางวัลจาก Microsoft
- ประสบการณ์ฝึกงาน: ไม่มี
- ใบรับรอง: ใบรับรองด้านคอมพิวเตอร์ , วิศวกรด้านไฟฟ้า
2. ผู้ผ่านงานที่ธนาคาร C (งานด้านบัญชี)
- คะแนนภาษา: TOEIC 855 คะแนน
- กิจกรรม: ผู้สื่อข่าวประจำมหาวิทยาลัยซัมซุง, ผู้สนับสนุนกิจกรรมของบริษัทฮุนได, การประชุมด้านการบริหาร, งานอาสาสมัครที่เวียดนาม, นักเรียนแลกเปลี่ยนที่เนเธอร์แลนด์
- ประสบการณ์ฝึกงาน: ฝึกงานที่ธนาคาร A, ฝึกงานที่ธนาคาร B
- ใบรับรอง: ใบรับรองจาก MOS , ใบรับรองนักวิเคราะห์ข้อมูล
3. ผู้ผ่านการสมัครที่บริษัท S (งานด้านวิศวกรรม)
- คะแนนภาษา: TOEIC 860 คะแนน, TOEIC Speaking LV6
- กิจกรรม: เข้าร่วมชมรมตลอด 4 ปี, ผู้ปฏิบัติงานที่ห้องปฏิบัติการ, ผู้ให้คำปรึกษาสำหรับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว, งานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร 3 ปี
- ประสบการณ์ฝึกงาน: ไม่มี
เงินเดือนเริ่มต้นของคนรุ่นใหม่
จากวิกฤตในตอนนี้จะส่งผลต่อเงินเดือนเริ่มต้นของคนเกาหลีหรือไม่?
ในปี 2020 เงินเดือนเริ่มต้นของบัณฑิตที่จบมหาวิทยาลัย 4 ปีใหม่คือ 41.3 ล้านวอน / 38.1 ล้านวอน / 28 ล้านวอนตามลำดับ
เมื่อดูเงินเดือนประจำปีขององค์กรขนาดใหญ่ (100%) เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยในองค์กรของรัฐคือ 92% ขององค์กรขนาดใหญ่และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับ SMEs เป็นเพียง 68% ขององค์กรขนาดใหญ่
ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีที่แล้วและมีเพียงเงินเดือนเริ่มต้นของ SMEs เท่านั้นที่เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เห็นแบบนี้เราก็เหนื่อยแทนคนรุ่นใหม่ในเกาหลีจริงๆที่ต้องรับแรงกดดันจากการหางาน แต่เชื่อว่าไม่เพียงแต่เกาหลีใต้เท่านั้นที่ต้องเจอสภาวะแบบนี้ ใครที่กำลังหางานอยู่ Creatrip ก็ขอเป็นกำลังใจให้ได้งานตามที่หวังเร็วๆค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
โพสต์ที่น่าสนใจ |