วัฒนธรรมการล่าแม่มดของเกาหลี
จากรีวิว สู่การล่าแม่มด การตามหาคนที่ติดเชื้อจากโบสถ์ชินชอนจีและอิแทวอนเริ่มเข้าใกล้การล่าแม่มดเข้าไปเรื่อย ๆ
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#วัฒนธรรมเกาหลี #การล่าแม่มด
#เหตุการณ์สำคัญ #ไม่ดีต่อสุขภาพจิต
ในสังคมสมัยปัจจุบัน เวลาเกิดการณ์อะไรขึ้นก็มักจะสืบสาวหาต้นตอและคนทำในเหตุการณ์นั้น ๆ จริง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การจดจำไว้เป็นบทเรียน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก แต่การกระทำแบบนี้ อาจนำไปสู่ "การล่าแม่มด" ได้ หากไม่มีการควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ในเกาหลีเท่านั้นนะคะ การล่าแม่มดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในโลกเลยค่ะ
ในสังคมเกาหลี จิตวิญญาณแห่งการล่าแม่มดนั้นรุนแรงเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ซะอีก ความถูกผิดดูจะกลืนหายไปในจิตใจที่ลุกโชนด้วยความโกรธของคนเกาหลีในแต่ละเหตุการณ์ค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
การล่าแม่มดในเกาหลี
1. โบสถ์ชินชอนจี
จากเหตุการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ข่าวไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่) ทำให้โบสถ์ชินชอนจีที่ดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดระลอกใหญ่โดนขุดออกมาสู่สาธารณชน
ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้ว การระบาดครั้งใหญมาจากการที่ทางโบสถ์จงใจปกปิดจนตัวเลขผู้ติดเชื้อในเกาหลีพุ่งทะยานแบบสุด ๆ การออกมาเรียกร้องให้ทางโบสถ์รับผิดชอบและความโกรธของคนกาหลีต่อลัทธินี้รุนแรงเกินกว่าจะจินตนาการได้ซะอีกค่ะ ถึงใครจะมีมุมมองที่ต่างกันออกไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า โบสถ์นี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรนาในเกาหลีค่ะ
การล่าแม่มดในโบสถ์นี้ทำให้การรวมตัวกันทางศาสนาของลัทธิชินชอนจีต้องหยุดลง มุมมองของคนเกาหลีต่อลิทธิชินชอนจีในแง่ลบนั้นฝังรากลึกไปเรียบร้อยแล้วค่ะ การล่าแม่มดของคนเกาหลีไม่เคยก่อให้เกิดบทเรียนให้ได้จำกันบ้างเลย
2. อิแทวอน
เวลาที่พูดถึงย่านอิแทวอน คนเกาหลีก็มักจะนึกถึงย่านที่มีความนานาชาติสูง เต็มไปด้วยคลับและบาร์ เป็นสถานที่สำหรับไนท์ไลฟ์ของวัยรุ่นเกาหลี สำหรับเพศทางเลือกในเกาหลีแล้ว ที่แห่งนี้คือสถานที่สำหรับสถานภาพทางเพศที่กดซ่อนเอาไว้ของพวกเขาค่ะ
ในช่วงที่เกิดการระบาดแรก ๆ ผู้ติดเชื้อหมายเลข 66 เขตยงอินกล่าวว่า เขาได้ไปเที่ยวหลายคลับในอิแทวอนอย่างเช่น คลับควีนส์ตามที่สื่อของเกาหลีรายงาน หลังจากที่มีคนติดเชื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ จากไนท์คลับ คนเกาหลีก็เกิดชุดความคิดเหมารวมว่า "ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ = คนที่ไปไนท์คลับในอิแทวอน = เกย์" เสียอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าจะมีการติดเชื้อจากไนท์คลับชื่อดังอื่น ๆ และรัฐบาลก็ออกมาแถลงว่า "เชื้อไวรัสไม่เลือกคนในการแพร่เชื้อ" คนที่ไปอิแทวอนทั้งหมดก็จะถูกเช็คและมีภาพลักษณ์ในแง่ลบจากสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้คนบางกลุ่มกลัวที่จะต้องไปตรวจเพราะกลัวจะถูกเปิดเผยตัวตน
จุดพลิกผันก็คือ ทางเทศบาลโซลและคยองกีโดออกมาประกาศว่า จะเก็บข้อมูลของผู้มาตรวจเป็นความลับและไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ในวันถัดจากการแถลงข่าว มีคนเข้าตรวจเป็นจำนวนมากเกือบ 2 เท่าจากปริมาณปกติที่มาตรวจเลยทีเดียวค่ะ
ถึงกระนั้น สังคมในเกาหลีก็ยังไม่หยุดโทษว่าเป็นความผิดของคนในอิแทวอนและคนที่มีอาการก็ไม่ยอมไปตรวจเพราะกลัวจะถูกเปิดเผยข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสยิ่งขึ้นกว่าเดิม
👉 มีคนติดเชื้อเพิ่ม 14 คนจากครูในอินชอน
3. เฟมินิสต์ในเกาหลี
ถึงแม้ว่าสังคมเกาหลีจะดูเป็นสังคมที่เปิดแล้ว แต่ดูได้จากเคสอิแทวอนเลยค่ะว่า "เพศทางเลือก" ยังไม่คงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม นอกจากนี้ เฟมินิสต์ยังเป็นอีกกลุ่มที่สังคมเกาหลีไม่เปิดรับเช่นกัน
ดูได้จากการที่จองยูมี นักแสดงนำเรื่อง "คิมจียอง เกิดปี 82" ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์และดูถูกจากชาวเน็ต รวมไปถึง Irene จาก Red Velvet ที่ถือหนังสือเรื่องนี้และโดนแฟนคลับขู่ว่าจะเผารูป(แอดโมโหมาก ความเป็นชายมันเปราะบางขนาดนั้นเลยหรือยังไง )
นอกจากคนดังสองคนนี้ที่ได้กล่าวไป ยังมีเซเลบริตี้ผู้หญิงที่พูดถึงเรื่องที่ในที่สาธารณะ กดไลค์รูปเกี่ยวกับเฟมินิสต์ต่าง ๆ ถูกล่าแม่มดอีกด้วยค่ะ ในอินเทอร์เน็ตเกาหลีมีพวกเหยียดผู้หญิงที่โพสต์ในแบบนิรนาม
👉 ปรากฏการณ์จากเรื่อง "คิมจียอง เกิดปี 82"
4. การกลั่นแกล้ง
เรื่องนี้ก็มีความเกี่ยวโยงกับเฟมินิสต์เช่นกันค่ะ เราอยากจะพูดถึงเคสของซอลลี่ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ๆ มีชาวเน็ตหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมซอลลี่ถึงลาออกจากวงและหันไปสนับสนุนการปลดแอกของผู้หญิง ทำให้เธอโดนด่าในอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา
หลายคนน่าจะจำกันได้ว่า ตั้งแต่ซอลลี่ออกจากวง เธอก็เริ่มออกห่างจากภาพลักษณ์ที่เคยวางไว้และทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ในเกาหลีที่ยังมีความอนุรักษ์นิยมสูง ทำให้ซอลลี่โดนดูถูกและด่าทอไม่เว้นแต่ละวัน ซอลลี่มีความมั่นใจในการอธิบายในรายการทีวีว่า ทำไมเธอถึงเลือกที่จะไม่ใส่บรา เนื่องจากการใส่บรานาน ๆ ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจเธอ...
แม้แต่หลังจากที่ซอลลี่จากไป การบุลลี่แบบนี้ก็ยังไม่หายไปไหนค่ะ แต่มาตกอยู่ที่สมาชิกวง f(x) แทนว่า ทำไมไม่ร้องไห้หรือออกมาเคลื่อนไหวอย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ กูฮาร่าที่เป็นเพื่อนสนิทของซอลลี่ที่เคยสัญญาไว้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้และบอกในไลฟ์ แต่ก็เลือกจบชีวิตในแบบเดียวกันค่ะ
หลังจากการจากไปของทั้งสองคน ผู้คนถึงเริ่มตระหนักว่า วิพากษ์วิจารณ์เกินไปหรือไม่นะ? ซอลลี่แค่อยากทำอย่างที่ใจต้องการเท่านั้นเอง ส่วนคูฮาร่านั้น โดนแฟนเก่าทำร้ายและขู่เผยแพร่คลิปลับของเธอ
👉 อัตราการฆ่าตัวตายที่สูงมากในเกาหลี
5. เพศทางเลือก
จริง ๆ แล้ว การพูดแบบนี้ก็ดูจะเป็นการเหมารวมเกินไป แต่สิ่งที่เราจะพูด ถือเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเกาหลีค่ะ: ลำดับชนชั้นของเกาหลีนั้น ตระกูลแชบอลมีอำนาจมากที่สุด รองลงมาคือรัฐบาล เกาหลีดูเหมือนจะเท่าเทียมกันนะคะ แต่ในความเป็นจริง ผู้ชายมีตำแหน่งสูงกว่าผู้หญิงมาก ๆ และถ้าเป็นเพศทางเลือกล่ะก็ ถือว่าอยู่ต่ำสุดในชนชั้นทางสังคมเลยล่ะค่ะ
เกาหลีใต้สนับสนุนเพศทางเลือกจริงหรือ? ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนะคะ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมา อย่างเช่นเคสของอิแทวอน ก็ทำให้เห็นได้เลยว่าค่ะว่า คนในสังคมยังไม่ได้ยอมรับขนาดนั้น นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลออกมาว่า ทางกองทัพมีการลงโทษคนที่เป็นเกย์หรือคนที่ใช้แอปเดตของเกย์อีกด้วย รวมไปถึง การบังคับใช้เจ้าหน้าที่เพื่อสืบค้นหาคนที่เป็นเกย์ในกรมทหารค่ะ
เทียบกับการล่าแม่มดแล้ว การเป็นเพศทางเลือกในเกาหลีเหมือนการมีฉลากที่ไม่มีวันลบล้างได้มาแปะอยู่บนหน้า ถึงแม้ว่าจะมีคนที่มั่นใจในตัวเองและได้รับการสนับสนุนจากคนรอบตัว แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากคำประทุษร้ายรุนแรงจากสังคมพ้น
ในช่วงการระบาดของโรคและการระบุตัวตน กลุ่มคนที่เป็นเพศทางเลือกมักจะโดนจับจ้องจากสังคมอยู่ตลอดเสมอ หลายคนที่จะตกเป็นเป้าสายตาเหมือนอาชญากร เช่น ถึงแม้ว่าจะไปอิแทวอน แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกกับครอบครัวหรือไปรับการตรวจ ทำให้การแพร่ระบาดของโรคมีสิทธิระบาดขึ้นไปอีก 2 -3 เท่า
👉 วัฒนธรรมเพศทางเลือกของเกาหลี
ความสมดุลระหว่างการหาผู้รับผิดชอบกับการล่าแม่มดมีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่เท่านั้นเองค่ะ และเส้นบาง ๆ นี้ก็พร้อมที่จะขาดได้อยู่ตลอดเวลาเมื่อคนในสังคมเกิดความโกรธแค้นขึ้นมา นอกจากนี้ การล่าแม่มดในเกาหลีก็มีความลำเอียงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ถึงแม้ว่าความรักใคร่กลมเกลียวของคนเกาหลีจะมีให้เห็นในเหตุการณ์และงานต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อคนกลุ่มน้อยกลายเป็นเป้าหมายขึ้นมาล่ะก็ สังคมเกาหลีก็พร้อมจะร่วมกันด่าทอและทำร้ายอย่างไม่ยุติธรรม
เพื่อการรับมือกับการระบาดในย่านอิแทวอน ศูนย์ป้องกันและปราบปราบภัยพิบัติของเกาหลีได้แถลงว่า เชื้อไวรัสสามารถระบาดได้ทุกที่และทุกคน ผู้ติดเชื้อก็คือผู้ป่วย การกล่าวหาไม่ช่วยอะไร รวมไปถึงการปกปิดตัวตนและอาการของโรคก็รังแต่จะทำให้การระบาดแย่ลงไปอีกด้วย
🤞🏻Subscribe พวกเราCreatripบน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
โพสท์ที่น่าสนใจ |
โรคซึมเศร้าของคนเกาหลี |
การกดขี่ทางเพศในที่ทำงานเกาหลี |
เพศทางเลือกในเกาหลี |