สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#ประวัติศาสตร์เกาหลี
#ครอบครัวส้ม #오렌지족
วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปดูกันว่าคำว่า "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" ของคนเกาหลีในปี 1990 จากซีรีส์เรื่อง Twenty-Five Twenty-One หมายความว่าอะไรกันนะ? ในซีรีส์เกาหลีเรื่อง Twenty-Five, Twenty-One ที่นำแสดงโดยคิม แทรีและนัม จูฮยอก เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคที่เกาหลีใต้ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเงินของเอเชียในปี 1998 นั่นเองค่ะ ในตอนนึงของซีรีส์ แบคอีจิน (นัมจูฮยอก) ถูกเจ้าของบ้านเช่าล้อว่า "ฉันคิดว่านายมาจากครอบครัวส้ม (오렌지족) ซะอีก"
แล้ว "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" คืออะไรกันนะ? ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ~
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
ครอบครัวส้ม (오렌지족) คืออะไร?
"ครอบครัวส้ม (오렌지족)" คืออะไร?

tvN
คำว่า "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" เป็นคำศัพท์ใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้ปัญหาต่าง ๆ ที่มาจากคนใน Generation X ในปี 1990 ค่ะ
ในตอนแรก "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" หมายถึงลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวยในย่านคังนัม เช่น อัพกูจอง และต่อมาก็ครอบคลุมไปถึงคนหนุ่มสาวที่ร่ำรวยทั่วเกาหลีใต้
ส่วนความหมายโดยนัยของคำนี้ก็คือ การกล่าวถึงวัฒนธรรมและค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่สุดโต่งมากเกินไป ส่วนใหญ่จะสื่อถึงลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวยและเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ โดยคนเหล่านั้นมักจะได้รับความคิดแบบตะวันตกกลับมาด้วย ดังนั้นชาวเกาหลีจึงเรียกพวกเขาว่า "ส้มนำเข้า" นั่นเอง


tvN
แล้วทำไมต้องเป็น "ส้ม" กันนะ?
มี 3 ทฤษฎีหลักสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ทฤษฎีแรกก็คือ ก่อนปี 1990 การนำเข้าผักและผลไม้จากต่างประเทศเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและฟุ่มเฟือยค่ะ ต้องบอกเลยว่ากล้วยกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงปี 1980 ในขณะที่ส้มได้กลายเป็นผลไม้ที่มีราคาแพงและมีค่ามาก ๆ ในช่วงปี 1990
การที่ต้องนำเข้าผลไม้ก็เพราะวัฒนธรรมการดื่มเบียร์นำเข้าในขณะนั้นนั่นเองค่ะ เนื่องจากคนนิยมดื่มเบียร์คู่กับมะนาวหรือส้มฝาน ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและฟุ่มเฟือยจนเกินไป
ส่วนทฤษฎีที่สองก็คือ มีชาวเกาหลีจำนวนมากที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแอลเอ, แคลิฟอร์เนีย, และที่อื่น ๆ และเมืองเหล่านั้นก็เป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยส้มค่ะ
และทฤษฎีสุดท้ายก็คือ การมอบส้มให้กับคนที่ชอบในเวลานั้นก็เป็นเหมือนการให้ของหายากและมีค่า ดังนั้นภาพลักษณ์ของ "ส้ม" จึงกลายเป็นตัวแทนของสิ่งของที่ล้ำค่านั่นเอง
ความหมายเบื้องหลังของ "ครอบครัวส้ม (오렌지족)"

tvN
แล้วถ้า "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" หมายถึงเด็กที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวย แล้วทำไมถึงถูกสังคมวิจารณ์กันล่ะ?
เนื่องจากในช่วงปี 1990 เหล่าเด็กในวัย 20 ต้น ๆ ที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยมักจะใช้เงินของพ่อแม่เพื่อซื้อของจากแบรนด์ดัง, รถยนต์นำเข้า, ไวน์จากต่างประเทศ, แอลกอฮอล์, และยาเสพติด
พวกเขามักจะมารวมตัวกันที่อัพกูจองเพื่อเพลิดเพลินไปกับความอิสระและการเที่ยวกลางคืนที่สนุกสนาน นอกจากนี้พวกเขาก็ยังกลายเป็นกลุ่มแรกของสังคมเกาหลีที่สามารถเดินทางไปช้อปปิ้งในต่างประเทศได้ ซึ่งในขณะนั้นการเดินทางไปต่างประเทศยังถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ อยู่ค่ะ

더스쿠프
ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนเท่านั้น แต่ยังทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกถึงการกีดกันอย่างรุนแรงด้วยนะคะ เหล่าเด็กที่ร่ำรวยเหล่านี้ต่างก็กลายเป็นเป้าหมายของความอิจฉาจากคนทั่วไปในเวลาต่อมาค่ะ

인스티즈
สาเหตุที่เหล่า "ส้ม" ถูกมองในด้านลบจากสังคมก็เพราะพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่แสดงออกถึงการบริโภคที่ฟุ่มเฟือยค่ะ
ในอดีต คนส่วนใหญ่มักจะแสวงหาความพึงพอใจผ่านการทำกิจกรรมทั่ว ๆ ไป แต่ "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" กลับใช้เงินที่หามาได้อย่างยากลำบากของพ่อแม่เพื่อความสนุกสนานส่วนตัว ซึ่งในขณะนั้นประเทศเกาหลีใต้กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในเอเชีย จึงไม่แปลกเลยที่จะถูกประณามจากสังคมค่ะ
ปัญหาสังคมที่เกิดจาก "ครอบครัวส้ม (오렌지족)"

YOUTUBE:14F 일사에프
"ครอบครัวส้ม (오렌지족)" กลายเป็นปัญหาสังคมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เนื่องจากพ่อแม่ส่งลูกไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ แต่พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ไปเรียนหนังสือเท่านั้น แต่ยังอาศัยความมั่งคั่งของครอบครัวเพื่อใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยอีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเหล่านั้นมักจะละเลยประเพณีและวัฒนธรรมของเกาหลี พวกเขามองว่ามันล้าหลังและล้าสมัย รวมถึงหัวเราะเยาะวัฒนธรรมเกาหลีด้วยค่ะ


tvN
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่า "ส้ม" ในสมัยนั้นยังชอบขับรถหรูชื่อดังไปจอดรถต่อหน้าสาว ๆ ที่พวกเขาสนใจอย่างโอ้อวด และตะโกนว่า "นี่! ขึ้นรถมาด้วยกันแล้วไปมีวันไนท์สแตนด์กันเถอะ!"
ต้องบอกเลยว่าในช่วงนั้นตำรวจและสรรพากรทำงานอย่างหนักเลยล่ะค่ะ มีครั้งหนึ่งที่ตำรวจเข้าตรวจหาสารเสพติดในไนท์คลับแห่งหนึ่ง และแม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นลบ แต่เหล่า "ส้ม" ที่ไปเที่ยวคลับแห่งนั้นก็ถูกยึดบัตรประจำตัวไปอยู่ดี
นอกจากนี้กรมสรรพากรก็ยังได้ดำเนินการสอบสวนภาษีของผู้ปกครองของเหล่า "ส้ม" โดยเฉพาะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธ "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" จากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะค่ะ
คดีที่เกิดขึ้นจากพัคฮันซัง (박한상)

나무위기
เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับ "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" ก็คือ ในเช้าตรู่ของเดือนพฤษภาคม 1994 ตำรวจได้รับสัญญาณเตือนไฟไหม้และรีบไปที่ย่านที่อยู่อาศัยสุดหรูในซัมซองดง, กรุงโซล
เมื่อตำรวจและหน่วยดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุ ชายคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาบอกว่า "พ่อแม่ของผมอยู่ข้างใน! ผมช่วยพวกเขาออกมาไม่ทัน" จากนั้นเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบศพ 2 ศพในบ้าน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นเจ้าของบ้านและภรรยาของเขา ซึ่งก็คือพ่อแม่ของพัค ฮันซัง (박한상) ชายวัย 23 ปีที่โทรแจ้งตำรวจนั่นเองค่ะ

ภาพครอบครัวของพัคฮันซัง
พ่อแม่ของพัคฮันซังมีทรัพย์สินมูลค่าหลายหมื่นล้าน แต่ลูกชายของพวกเขากลับเป็นคนไม่เอาไหน ไม่ว่าจะอยู่ในเกาหลีหรือต่างประเทศเขาก็ทั้งติดเหล้า, เล่นการพนัน, และเป็นหนี้ก้อนโต
หลังจากที่กลับมาเกาหลีใต้ พัค ฮันซังก็ได้ฆ่าพ่อแม่ของเขาและจุดไฟเผาบ้านเพื่ออำพรางคดี สาเหตุก็คือเพื่อสืบทอดมรดกของพ่อแม่และใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยตามที่เขาต้องการ แต่ในที่สุดเขาก็ถูกตำรวจจับ ถือเป็นข่าวที่ทำให้สังคมเกาหลีตกใจมาก ๆ ในเวลานั้นเลยล่ะค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะกับความหมายของคำว่า "ครอบครัวส้ม (오렌지족)" ที่ใช้โดยคนเกาหลีในปี 1990 จากซีรีส์เรื่อง Twenty-Five Twenty-One? ถือเป็นคำที่พูดกันอย่างแพร่หลายในช่วงปี 1990 แต่ในปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีใครใช้กันแล้วล่ะค่ะ~
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

