สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุกๆวัน
คำเตือน! บล็อคนี้อาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง |
กลับมาอีกครั้งกับช่วงเวลาของวัฒนธรรมเกาหลี!
วันนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวและโหดร้าย
นั่นก็คือความรุนแรงในโรงเรียนที่เกาหลีค่ะ
@ OCN <Save Me>
ปัญหาความรุนแรงในโรวเรียนของนักเรียนวัยรุ่นเกาหลีมีแสดงให้เห็นผ่านยังละครและภาพยนต์เกาหลีจำนวนมาก

และบางครั้ง เรื่องราวของเหยื่อก็มักที่จะถูกนำมาถกเถียงกันบนโลกอินเตอร์เน็ตและข่าว
เราจะได้ยินจากข่าวว่าเหยื่อหลายๆคนตัดสินใจจบชีวิตลงเพราะไม่สามารถทนความเจ็บปวดที่ได้รับได้

@ Yonhap News
หลายคนอาจเคยได้ยินว่าผู้คนบนโลกอินเตอร์เนตของเกสหลีต่างพากันสงสัยว่า "ฮโยริน" อดีตสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง 'Sistar' เคยใช้ความรุนแรงกับเพื่อร่วมชั้นของเธอเมื่อ 10 ปีก่อน
บางคนพูดว่าเธอทำร้ายเพื่อของเธอเมื่อตอนที่เธอเป็นเพียงเด็กนักเรียนประถมเท่านั้น พวกเขาพูดว่าเธอทุบตีเพื่อนของเธอด้วยไมโครโฟนภายในห้องร้องเพลงคาราโอเกะ แถมยังยืมเสื้อผ้าและไม่นำมาคืนภายในอาทิตย์นั้น นอกจากนี้ยังรีดไถเงินหรือทำร้ายเพื่อนที่บริเวณสนามเด็กเล่นและห้องเรียนอีกด้วย

@MK Sports
เราหวังว่าข่าวลืมนี้จะเป็นเพียงแค่เรื่องไม่จริงเท่านั้น!
ตอนนี้ก็มาถึงพาร์ทที่น่ากลัวขึ้นแล้วล่ะค่ะ
นี่คือเคสเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายในโรงเรียนที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในปี 2018
โดยเคสนี้ถูกเรียกว่า [การจู่โจมของวัยรุ่นหญิงชาวปูซาน]
ให้เราได้สรุปถึงเหตุการณ์นี้อย่างคร่าวๆให้กับทุกคนได้รู้กันนะคะ

@ Yonhap News
ในเดือนกันยายน เด็กหญิงชั้นประถมจำนวน 2 คนในปูซานได้ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนหญิงต่างโรงเรียนเป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมงด้วยท่อนเหล็กและเก้าอี้
ซึ่งในวันถัดมา ผู้กระทำความผิดเกิดความกลัวจึงทำการโทรแจ้งตำรวจและมอบตัว
เด็กผู้ที่กระทำความผิดนั้นได้บอกกับตำรวจว่าพวกเขาทำร้ายร่างกายเด็กผู้หญิงต่างโรงเรียนเนื่องจากทัศนคติที่ไม่ดีของเธอ

@ Yonhap News
เพื่อที่จะได้รู้ว่าทำไมผู้กระทำความผิดถึงตัดสินใจมอบตัว เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดว่าเด็กวัยรุ่นเกาหลีกันก่อนดีกว่าค่ะ
ที่เกาหลีนั้นคิดว่าพวกวัยรุ่นยังไม่บรรลุนิติภาวะเหมือรกับผู้ใหญ่ หากผู้ปกครอง, ครูหรือคนรอบข้างให้การอบรมสั่งสอนที่ดีพวกเขาเหล่านั้นก็จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีได้
ดังนั้นพวกเราจึงมีกฎหมายที่เรียกว่า 'กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน' ซึ่งหากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดจะได้รับการลดหย่อนโทษลง
และนี่คือเหตุผลที่เด็กผู้กระทำความผิดตัดสินใจที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ เนื่องจากพวกเขามีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชนและรู้ว่าจะไม่ได้รับการลงโทษที่รุนแรงมากนัก

@ Facebook of the victim's parent
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผู้เป็นแม่ของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อก็ได้ออกมากล่าวว่า ลูกสาวของตนนั้นไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายจากเด็กหญิงเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น แต่มากถึง 5 คน หรือแม้แต่กระทั่งหลังจากแจ้งความกับตำรวจแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รับการปกป้องทำให้เธอนั้นถูกทำร้ายร่างกายอีกครั้งหนึ่ง

@ Newsis
ในที่สุด ตามการสอบสวนของตำรวจก็พบว่าผู้กระทำความผิดมีด้วยกันทั้งหมด 4 คน
และ 4 คนนี้ทำร้ายเหยื่อด้วยบันได, อิฐและขวดโซจู
นอกจากนี้เหยื่อยังถูกผู้กระทำความผิดบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่พวกเขาโทรเรียกมาอีกด้วย

ในอดีต ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนเป็นเพียงแค่ "ความรุนแรงทางร่างกาย"เท่านั้นจากการทุบตีและรีดไถของ

แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็น 'ความรุนแรงทางจิตใจ' ทั้งการดูถูกและทำให้อับอาย
ในปีที่ผ่านมาก็มีแม้กระทั่งความรุนแรงในโรงเรียนผ่านโลกไซเบอร์โดยการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน

@ https://www.pressm.kr/news/articleView.html?idxno=8858
การทำร้ายทางโลกออนไลน์มีทั้ง "คุกคาคาทอล์ค (Kakao Talk Jail)" คาเคาทอล์คคือแอปพลิเคชั่นที่คนเกาหลีใช้ในการแชท การกลั่นแกล้งบนแอปพลิเคชั่นนี้คือผู้คุกคามพยายามที่จะส่งการเชิญให้เหยื่อเข้าร่วมบทสนทนาถึงแม้ว่าเหยื่อจะทำการออกจากแชทไปแล้วก็ตาม
'การกลั่นแกล้งในคาเคาทอล์ค' เกิดขึ้นในแชทกลุ่มที่คนจำนวนมากรุมกลั่นแกล้ง, ด่าทอหรือพูดจาทำร้ายจิตใจคนหนึ่งคน

ไม่เพียงเท่านี้ยังมี "การขโมยไวไฟ (Wi-Fi shuttle)" ผู้ที่เปิดฮอทสปอททิ้งไว้จะถูกคนอื่น(ผู้คุกคาม)ขโมยใช้ไวไฟฟรี
คำว่า "พังพุก-방폭(ห้องระเบิด)" หมายถึงการที่ผู้คนจำนวนมากออกจากห้องแชทไปพร้อมๆกันหลังจากพากันกลั่นแกล้งเรียบร้อยเหลือทิ้งไว้เพียงผู้ที่โดนคุกคาม

การทำร้ายทางจิตใจสร้างรอยแผลไว้ให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและก็ไม่ง่ายเลยที่เหยื่อเหล่านั้นจะทำการเปิดเผยว่าโดนรังแก

อย่างไรก็ตามการกลั่นแกล้งกันบนโลกออนไลน์นั้นยากต่อการที่จะสังเกตุนอกเสียจากเหยื่อตัดสินใจที่จะพูดออกมา
เนื่องจากการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเริ่มที่จะรุนแรงและพบเห็นได้มากขึ้น การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ก็มีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่บอบบางและกระทบต่อจิตใจผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออย่างมาก
แต่นักเรียนผู้ที่โดนกลั่นแกล้งก็มักที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเลือกที่จะหลบหนีจากเหตุการณ์นี้ออกไปแบบเงียบๆโดยที่ไม่บอกพ่อแม่, ครูหรือตำรวจ

เนื่องจากพวกเขากลัวว่าพ่อแม่จะกังวลเกี่ยวกับเขา
หรือถูกทำร้ายแบบที่เด็กสาวจากปูซานโดนรุมทำร้าย
หรือจะต้องกลายเป็นผู้ที่ตกเป็นข่าวที่คนทั่วไปรับรู้

นอกจากนี้เราเชื่อว่าทางโรงเรียนควรที่จะพยายามสร้างความมั่นใจและส่งเสริมให้ผู้ที่โดนรังแกที่โรงเรียนให้กล้าหาญและตัดสินใจที่จะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์และการทำร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
และดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ไม่เพียงแค่ให้ผู้ที่เป็นเหยื่อกล้าที่จะพูดออกมาเท่านั้นแต่เพื่อนรอบตัว, ครูและผุ้ปกครองก็ควรที่จะแจ้งกับครูหรือตำรวจเมื่อรู้ว่ามีการทำร้ายในโรงเรียนเกิดขึ้น

เราหวังว่าเด็กนักเรียนหลายๆคนจะไม่ถูกรังแกและการกระทำเหล่านี้จะหมดไป
ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในโรงเรียนดียิ่งขึ้น

