ติวเตอร์ งานพาร์ทไทม์ของเด็กมหาลัยเกาหลี ได้เงินเยอะกว่าเงินเดือนพนักงานทั่วไป?
พบกับงานติวเตอร์ วัฒนธรรมการทำงานพาร์ทไทม์ของเด็กมหาลัยเกาหลี เงินจะเยอะกว่าเงินเดือนพนักงานทั่วไปหรือเปล่านะ?
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#วัฒนธรรมเกาหลี #ทำงานเกาหลี
#มหาวิทยาลัยเกาหลี #พาร์ทไทม์
#กวดวิชา
ทุกคนเคยมีประสบการณ์ทำงานพาร์ทไทม์ช่วงที่กำลังเรียนหรือเปล่าคะ? งานพาร์ทไทม์ที่เด็กมหาลัยส่วนใหญ่เลือกทำก็คือ "ติวเตอร์" จนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของเด็กเกาหลีเลยค่ะ
วันนี้เราจะมาพบกับเรื่องราวของการทำงานเป็น "ติวเตอร์" ของเด็กมหาลัยเกาหลี จะเหมือนกับในเรื่อง Parasite หรือเปล่านะ?
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
การเป็นติวเตอร์ของเด็กมหาลัย
การเป็นติวเตอร์ของเด็กมหาลัยเกาหลีแตกต่างจากโรงเรียนกวดวิชาทั่วไป ตรงที่เป็นการสอนแบบ 1: 1 โดยเด็กมหาลัยจะทำหน้าที่เป็นติวเตอร์สอนวิชาเฉพาะกับเด็กมัธยมหรือเด็กประถมค่ะ
ส่วนใหญ่การสอนแบบนี้มีไว้เพื่อเป็นการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นหลัก เพราะที่เกาหลีการสอบแข่งขันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังมีอัตราการแข่งขันสูงมากๆ ดังนั้นพวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ผลการสอบซูนึงออกมาดีที่สุดค่ะ
นอกจากนั้นการติวแบบนี้ก็ช่วยให้เด็กๆได้รับเกรดสูงมากขึ้น การติวจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ม.5-6 เพื่อเตรียมเกรดและเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ
มีการสอนวิชาอะไรบ้าง ?
cr. kbs news
วิชาที่สำคัญที่สุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกาหลีคือ วิชาภาษาเกาหลี,ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ และสำหรับเด็กเกาหลีวิชาที่ยากที่สุดคือ ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ (สำหรับเราด้วย ) ความจริงเด็กเกาหลีได้เรียนภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ตั้งแต่เด็กๆและส่วนใหญ่ก็เรียนพิเศษกันด้วย
แต่วิชาในการติวแบบ 1:1 ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์อยู่ดีค่ะ
ใครบ้างที่เป็นติวเตอร์ได้?
cr. tbs ทางเข้า Seoul National University
ไม่ใช่ว่าเด็กมหาลัยทุกคนจะสามารถเป็นติวเตอร์ได้ อย่างแรกคือต้องเป็นคนที่มีวุฒิการศึกษาที่ดี ถ้าหากเป็นเด็กที่เรียนในมหาลัยชื่อดังก็แสดงว่าเป็นคนที่เรียนดี และมีความสามารถค่ะ
Korea University
อย่างเช่น มหาวิทยาลัยเกาหลีที่เรียกว่า "SKY" คือ Seoul National University, Korea University และ Yeonsei University ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ นอกจากนั้นยังมี KAIST University หรือไม่ก็เป็นเด็กที่เรียนในคณะแพทย์,คณะทันตแพทย์ หรือคณะที่เกี่ยวกับวิชาเอกนั้นจะสามารถเป็นติวเตอร์ได้ง่ายมากๆ
ส่วนเด็กทั่วไปมีโอกาสเป็นติวเตอร์ได้เพียง 5%~10% ค่ะ
ปกติการติว 1:1 จะเกิดขึ้นที่ไหน?
เพราะเป็นการเรียนแบบ 1:1 ดังนั้นส่วนใหญ่จะเลือกติวกันที่บ้านค่ะ นักเรียนบางคนอาจจะไปที่บ้านของติวเตอร์ แต่ส่วนใหญ่ติวเตอร์จะเป็นฝ่ายเดินทางมาที่บ้านของนักเรียนมากกว่าค่ะ แต่ถ้าติวที่บ้านไม่สะดวกก็สามารถไปติวกันที่คาเฟ่ค่ะ
การที่ติวเตอร์ไปติวที่บ้านของนักเรียนถือเป็นวิธีการที่ง่ายและสะดวกมากที่สุด เพราะพ่อแม่ของเด็กจะได้เห็นการสอนไปด้วย แถมยังได้กินของว่างอร่อยๆด้วยค่ะ
ค่าจ้างในการเป็นติวเตอร์
ค่าจ้างสำหรับการเป็นติวเตอร์แบบ 1:1 นั้นส่วนใหญ่จะนับตามชั่วโมงการสอน แต่ส่วนใหญ่จะมีการติวอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์และค่าจ้างสำหรับการสอน 2 ชั่วโมงประมาณ 300,000 - 50,0000 วอน (10,000-17,000 บาท)
จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามระดับชั้นอย่างเด็กประถมจะประมาณ 300,000 วอน, เด็กม.ต้น 400,0000 วอน, เด็กม.ปลาย 500,000 วอน นอกจากนั้นการจ้างติวเตอร์ในเมืองใหญ่ๆ เช่น โซล คยองกีโดก็จะแพงขึ้นมาไปด้วย ยิ่งติวเตอร์คนไหนดังหรือสอนดีก็ยิ่งแพงมากขึ้นค่ะ
ค่าจ้างเฉลี่ยของการสอน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 2 ชั่วโมงประมาณ 400,000 วอน หรืออาจคิดเป็นชั่วโมงละ 25,000 วอนค่ะ ค่าแรงขั้นต่ำของปี 2021 คือ 8,720 วอน (ตอนนี้มีการประกาศเพิ่มค่าแรงของปี 2022 เป็น 9,120 วอน ) ซึ่งค่าจ้างของติวเตอร์สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำมากถึง 3 เท่าค่ะ
ถ้าเทียบกันจะเทียบได้ว่าการเป็นติวเตอร์ 1 ชั่วโมงเท่ากับการทำงานพาร์ทไทม์ทั่วไป 3 ชั่วโมงค่ะ ตามข้อมูลของ Job Korea เงินเดือนประจำปีเฉลี่ยของพนักงานใหม่ในบริษัทขนาดใหญ่ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสี่ปีในปี 2021 คือ 41.21 ล้านวอน หากคำนวณจากค่าจ้างรายชั่วโมง จะเท่ากับ 17,000 วอน ถือว่าการเป็นติวเตอร์สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยจ่ายได้รับค่าจ้างรายชั่วโมงสูงกว่าพนักงานใหม่ในองค์กรขนาดใหญ่อีกค่ะ
เหตุผลที่เด็กมหาลัยเลือกทำงานติวเตอร์
1. ค่าจ้างสูง
แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือค่าจ้างสูง เมื่อเทียบกับการทำงานพิเศษตามร้านอาหาร หรือคาเฟ่ทั่วไป นอกจากนั้นการทำงานเป็นติวเตอร์ยังทำงานเพียง 1/3 ของการทำงานพาร์ทไทม์ทั่วไป ถือเป็นงานที่ดีมากๆสำหรับเด็กมหาลัยเลยใช่มั้ยคะ?
ยิ่งสอนมากเงินที่ได้ก็จะมากตาม บางครั้งก็สามารถเก็บเงินก้อนใหญ่ได้เลยค่ะ เพื่อนของเราคนหนึ่งที่ขยันสอนมากๆ โดยตอนนี้เขาสอนเด็ก 8~10 ครั้งก็ได้เงินมากกว่า 4,000,000 วอน (100,000 บาท) เลยค่ะ
2. เป็นงานที่สะบาย (กว่างานอื่นๆ)
นอกจากเรื่องค่าจ้างและเวลาแล้ว การสอนพิเศษยังสะบายกว่าตรงที่เนื้อหาในการสอนเป็นเรื่องที่เคยเรียนมาแล้ว ดังนั้นการสอนจึงไม่ใช่เรื่องยาก (สำหรับเด็กมหาลัยเกาหลี) ค่ะ อาจลำบากตรงที่ต้องเดินทางไปที่บ้านของนักเรียน แต่หลังจากนั้นก็นั่งสอนอย่างเดียวเลยค่ะ
3. ได้รับเกียรติ
ปกติการทำงานพาร์ทไทม์ได้ค่าจ้างไม่ดีเท่าไหร่ และคนส่วนใหญ่อายุประมาณ 20 กว่าดังนั้นพวกเขามักจะถูกละเลยบ่อยๆ แต่งานติวเตอร์เป็นงานที่ผู้ปกครองที่เป็นผู้จ้างจะให้เกียรติมากๆ ถึงแม้จะเป็นแค่นักเรียนก็ตามค่ะ
เหตุผลที่ผู้ปกครองเกาหลีนิยมจ้างติวเตอร์แบบ 1:1
1. สามารถกำหนดการเรียนแบบ 1:1 ได้เอง
การเรียนตามโรงเรียนกวดวิชาเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดการเรียนด้วยตัวเอง แม้ว่าจะสอนดีมากแค่ไหนแต่ครูก็ไม่สามารถใส่ใจเด็กๆทุกคนได้อย่างเต็มที่ค่ะ นอกจากนั้นวิชาเรียนยังถูกำหนดไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเด็กๆจึงไม่สามารถเลือกวิชาที่เข้ากับตัวเองได้ค่ะ
แต่การเรียนแบบ 1:1 สามารถกำหนดการเรียนที่เหมาะสมกับตัวเด็ก นอกจากนั้นยังกำหนดเวลาเรียนได้ด้วยค่ะ
2. สนิทได้เร็วมากขึ้น
เพราะว่าติวเตอร์ที่เป็นเด็กมหาลัยอยู่ในวัยที่ไม่ต่างกับเด็กมาก ดังนั้นก็เหมือนกับเพื่อนกันทำให้การเรียนสนุกและไม่กดดันเหมือนการเรียนพิเศษทั่วไปค่ะ และถึงแม้จะไม่ได้สอนพิเศษแล้วก็มีหลายคนที่กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเลยค่ะ
นอกจากนั้นเหมือนกับเด็กได้มีเพื่อนที่คอยพูดคุยให้คำปรึกษาเรื่องที่ไม่สามารถคุยกับพ่อแม่ได้ค่ะ แถมหลายคนที่สนิทกันมากๆก็ยิ่งช่วยให้รู้สึกอยากเรียนมากขึ้นด้วยค่ะ
วิธีการหางานติวเตอร์
1. ได้รับคำแนะนำจากคนรู้จัก
วิธีการเริ่มต้นเป็นติวเตอร์ทำได้ง่ายๆสำหรับคนที่กำลังเรียนอยู่ แค่มองหาเพื่อนที่เป็นติวเตอร์อยู่ก่อนแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำว่าที่ไหนกำลังต้องการติวเตอร์บ้างค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปากค่ะ
แต่การหางานติวเตอร์ด้วยวิธีการนี้มีข้อเสียอยู่ 2 อย่างคือ ถ้าหากคนที่เพื่อนรู้จักไม่ได้ต้องการติวเตอร์ในตอนนั้นก็จะหางานไม่ได้เลย และอย่างที่สองคือ เพราะเป็นการแนะนำจากคนรู้จัก ทำให้บ้างครั้งไม่สามารถเลือกวิชาที่อยากสอนได้ค่ะ
2. การหาตามป้ายประกาศ
cr. 오마이뉴스
การติดป้ายประกาศหาติวเตอร์เป็นวิธีการที่คลาสสิคที่สุด สามารถแปะตามสถานที่ที่มีเด็กเยอะๆเช่น ตามบอร์ด, อพาร์เม้นท์ ตามประตูหรือริมถนนค่ะ โดยการระบุว่าเป็นการสอนวิชาอะไร รายละเอียดของคนสอนและทิ้งเบอร์ติดต่อให้กับผู้ปกครองที่สนใจค่ะ
cr. 세종포스트
การประกาศหางานแบบนี้ถือว่าได้ผลมาก ถ้าหากไปแปะไว้อย่างถูกที่ถูกทางจะมีผู้ปกครองติดต่อเข้ามาเยอะเลยค่ะ แต่ถ้าจะเอาไปแปะตามอพาร์ทเมนต์ต้องขออนุญาตก่อน และตอนนี้วิธีการนี้ก็ไม่ค่อยใช้กันแล้วค่ะ
3. ใช้บริการนายหน้าที่จัดหาติวเตอร์
cr. 김과외
เมื่อไม่นานมานี้มีแพลต์ฟอร์มที่สร้างขึ้นเพื่อการเชื่อมต่อของติวเตอร์และคนที่ต้องการติวเตอร์ เกิดขึ้นมากมายค่ะ เด็กมหาลัยที่ต้องการเป็นติวเตอร์ก็เข้าไปลงทะเบียนและกรอกประวัติในแฟลต์ฟอร์ม ทั้งประวัติการเรียน, มหาวิทยาลัย, คณะที่เรียน, วิชาที่ถนัด, จุดเด่นและอัตราค่าจ้างค่ะ
cr. 김과외
ข้อเสียของการหางานแบบนี้คือ ต้องรอให้นักเรียนติดต่อกลับมาเองซึ่งคล้ายกับการแปะประกาศค่ะ อย่างที่สองคือ ต้องติดต่อนักเรียนไปเอง เพราะบนแฟลต์ฟอร์มก็มีประวัติของนักเรียนที่ต้องการหาติวเตอร์เหมือนกันค่ะ
จากนั้นส่งข้อความและตกลงกันเรื่องเนื้อหากการเรียนและราคาการสอน แต่การทำแบบนี้ต้องมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้นายหน้าค่ะ ที่เกาหลีมีแฟลต์ฟอร์มหลายแห่งที่กำหนดว่าเงินเดือนเดือนแรก 25% ต้องเป็นเงินค่าธรรมเนียมค่ะ
นี่ก็คือวัฒนธรรมและเรื่องราวการเป็นติวเตอร์ของเด็กมหาลัยเกาหลี คิดๆดูแล้วก็ถือเป็นงานที่รายได้ดีและทำงานน้อยกว่างานอื่นๆค่ะ แต่ก็มีความยากที่ไม่เหมือนงานทั่วไปเหมือนกัน ใครที่เป็นติวเตอร์อยู่ช่วยคอมเมนต์หน่อยว่างานติวเตอร์ของไทยคล้ายกับเกาหลีหรือเปล่าคะ?
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand