สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#แฟนคลับเกาหลี #ซาแซง
#ไอดอลเกาหลี #คิมแจจุง #JYJ
ในตอนล่าสุดของรายการ "Late Night Studio" ของช่อง Naver Now คิมแจจุง JYJ ได้เปิดเผยประสบการณ์สุดช็อคและน่ากลัวกับการถูกซาแซง กลุ่มแฟนคลับที่คลั่งไคล้ศิลปินถึงขั้นติดตามไปทุกที่ จนถึงทำสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ ติดตามเป็นเวลานานกว่า 12 ปีคิมแจจุง JYJ เปิดเผยประสบการณ์ถูกซาแซงคุกคามนานร่วม 12 ปี
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
คิมแจจุง JYJ เผยประสบการณ์โดยซาแซงตามตลอด 12 ปี
เมื่อย้อนกลับไปตอนที่เขาร่วมโปรโมตในฐานะสมาชิกของ TVXQ และ JYJ เขาต้องพบกับแฟนคลับกลุ่มที่ถูกเรียกว่า "ซาแซง" หรือแฟน ๆ ที่หลงไหลที่สะกดรอยตามและ / หรือมีส่วนร่วมในพฤติกรรมรุกรานอื่นๆ ของวงไอดอลยอดนิยม ซึ่งสมาชิกหลายคนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มซาแซงนี้เช่นกัน แต่เขากล่าวว่าหากเทียบกับคนอื่น ประสบการณ์ของเขาอาจน่ากลัวและรุนแรงมากกว่า
แจจุงเล่าให้ฟังว่าเขาถูกรุนรานถึงขั้นที่ “พังและบุกรุกเข้าออกห้องบ่อยมาก” ทำให้เขาต้องเปลี่ยนกลอนประตูตลอดเวลา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังได้รับข้อความรูปภาพที่เหล่าซาแซงบุกเข้ามาที่บ้านของเขาอยู่ตลอด ซึ่งมันคือภาพของห้องนั่งเล่น, ห้องนอนและห้องครัว
แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือภาพที่ถูกถ่ายภาพและส่งมาเหล่านั้นมีเขาติดอยู่ด้วย! หากเป็นพวกคุณจะรู้สึกอย่างไรกัน? แฟนๆเหล่านี้หลงใหลที่จะเข้ามาในบ้านของเขาเพื่อถ่ายรูปและเดินเล่นไปรอบๆ จากนั้นพวกเขาก็จะส่งภาพมาให้ ใครจะรู้ว่าพวกเขารู้หมายเลขโทรศัพท์ของเขาได้อย่างไร? ซึ่งการกระทำเหล่านี้ทำให้เขากลัวอย่างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนกุญแจ, ล็อคประตูและทุกอย่างเสมอ
การสะกดรอยตามไม่ได้หยุดลงแม้เขาจะย้ายที่อยู่แล้วก็ตาม! หลังจากอาศัยอยู่ในหอพักกับเมมเบอร์มาจนถึงจุดหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่บริเวณระเบียงที่สวยงาม ซึ่งเขารอที่จะใช้ที่บริเวณนี้เพื่อผ่อนคลาย แต่อย่างไรก็ตามซาแซงกลับทำเรื่องเหนือจินตนาการและความคาดหมาย รวมทั้งทำลายความหวังในการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของเขา
เนื่องจากซาแซงได้ย้ายไปอยู่ยังอาคารอีกแห่งหนึ่งบริเวณฝั่งตรงข้ามถนน ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมากเพราะพวกเขาอยู่ในยูนิตตรงข้ามและอยู่ชั้นเดียวกับห้องของเขาเป๊ะ! และนับจากวันนั้นพวกเขาก็นั่งจ้องมองมาที่เขาทั้งวัน ไม่รู้ว่าพวกเขาเช่าสถานที่หรืออะไร แต่ใช่! พวกเขานั่งและจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา แม้ตอนแรกเขาจะตัดสินใจเลือกห้องนี้เพราะมีระเบียงที่สวยงาม แต่เขากลับไม่สามารถใช้มันได้สักครั้งเพราะเมื่อใดก็ตามที่เขาอยู่ที่ระเบียงก็จะถูกจับจ้อง
ที่อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ แจจุงประเผชิญกับพฤติกรรมที่น่ากลัวที่สุดของสตอล์กเกอร์ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ร้ายแรงถึงขั้นที่เขาต้องแจ้งความให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือ แต่ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวแต่ก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มาก โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็ตัดสินใจย้ายออกอีกครั้ง
เขาเล่าว่า ตอนนั้นเป็นเวลาที่ดึกมากๆ เขาปิดไฟทั้งหมดเพื่อเข้านอน แต่ทันใดก็ได้ยินเสียงออดที่ห้องดังขึ้น ทำให้เขาสงสัยว่าเป็นใครเพราะมันดึกมากแล้ว เขาจึงเดินไปที่ประตูเพื่อส่องดูว่าใครเป็นคนกดออด แต่กลับไม่มีใครอยู่ที่ด้านหน้าห้อง เขาจึงตัดสินใจเดินกลับไป แต่ก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อส่องดูกล้องก็ไม่พบว่ามีใครอีกเช่นเคย พวกเขาทำแบบนี้อยู่ 2-3 ครั้งจนเขาตัดสินใจเปิดประตูห้อง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะสามารถเปิดประตูได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น และก็เหลือบไปเห็นขาของใครบางคน ทำให้เขาตกใจมากจนกระแทกประตู ซึ่งเปิดประตูดูอีกทีก็ไม่พบใคร เขาจึงมองไปรอบๆ รวมถึงทางลงบันไดฉุกเฉินและก็ได้ยินเสียงคนวิ่งลงบันได เขาจึงตัดสินใจไว้ไล่คนกลุ่มนี้ลงไป หลังจากที่เขาพวกสตอล์กเกอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุดนี้ได้ เขาจึงติดสินใจโทรหาตำรวจเพื่อแจ้งความ
แต่…ตำรวจที่เดินทางมาในเวลานั้นบอกกับเขาว่าพวกเขาเป็นเพียงแฟนของคุณ ดังนั้นควรที่จะให้อภัย ไม่เพียงเท่านั้นยังบอกกับเขาว่า 'เป็นเรื่องเล็กน้อยมากที่จะโทรหาตำรวจเพียงเพราะพวกแฟนที่เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น'
การกระทำของพวกซาแซงทำให้เขาเกิดความเครียดอย่างมาก ครั้งหนึ่งหลังจากที่เขาได้ชมตัวอย่างภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Hide and Seek เขาก็นอนไม่หลับเลย เนื่องจากเรื่องราวดังกล่าวในเรื่องนั้น คล้ายกับสิ่งที่เขาได้เจอมากๆ
ไม่กี่วันหลังจากที่เข้ารับการสอบสวนกับทางตำรวจ เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีก และเขาก็ทราบว่าคนกลุ่มนั้นคือกลุ่มเดิม แต่ครั้งนี้กลับร้ายแรงกว่าเดิมเมื่อพวกเขาพยายามที่จะบุกรุกเข้ามาในห้องโดยทำการเขย่ากลอนประตูอย่างบ้าคลั่ง
แจจุงยังเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ปวดใจว่าทำไมเขาถึงเริ่มสะสมรถ แม้ว่าในตอนแรกมันอาจดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกที่มีราคาแพง แต่เขาก็ชี้แจงว่าจริงๆแล้วมันคือการทำให้เขามีสติและไม่ให้ถูกสะกดรอยตาม โดยรวมแล้วเขาไม่เพียงแค่หวาดระแวง แต่ยังตั้งใจที่จะย้ายที่อยู่ทุกๆ 2 ปีอีกด้วย
นี่อาจฟังดูเหมือนว่าเขาหวาดระแวง แต่เขาก็เคยมีรถยนต์จำนวนมากเพื่อใช้ในการหลบหนีและไม่ให้พวกเขาสตอกเกอร์สามารถสะกดรอยตามเขาได้ ทุกครั้งที่ขึ้นรถซาแซงจะออกตามหา เขาจึงพยายามสลับรถไปเรื่อยๆเพื่อให้พวกเขาสับสน แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรมากนัก เขาจึงตัดสินใจว่าทุก 2 ปีจะต้องย้ายที่อยู่ รวมไปถึงเปลี่ยนรถด้วยเช่นกัน
น่าเสียดายที่แม้ว่าเขาจะย้ายที่อยู่แล้วก็ตาม แต่แจจุงก็ยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยในบ้านของตัวเอง วันหนึ่งอยู่ดีๆเขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังถูกคุกคาม เมื่อคนส่งอาหารปรากฏตัวที่ประตูบ้านของเขาและทำตัวน่าสงสัยอย่างยิ่ง
โดยเขากล่าวว่าเขาสั่งอาหารมาที่บ้าน จากนั้นคนส่งเดลิเวอรี่ก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เขาใส่หมวกเบสบอลปิดลงมาจนแทบจะมองไม่เห็นหน้า เมื่อเขาพยายามจะจ่ายเงิน ดวงตาของคนนั้นก็จ้องมองมาที่เขาจากใต้หมวก พร้อมกับถามเขาว่า 'คุณจำฉันได้ไหม' เขาเลยถามกลับว่าเขาควรจำได้หรอ พนักงานส่งของดังกล่าวก็ตอบกลับว่า 'คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร?' ฉันก็เลยบอกว่าฉันไม่รู้ เขาจึงเดินไปเพื่อขึ้นลิฟต์ พร้อมกับกล่าวว่าแค่นั้นเองหรอ แจจุงจึงตะโกนออกมาว่า 'คุณมีปัญหาอะไรเหรอ?' คนๆนั้นก็ยิ้มเยาะกลับมาให้เขา นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเหรอ!
เขารู้สึกว่าเขาถูกคุกคามอีกครั้ง แถมคนนั้นก็ยังรู้อีกว่าเขาอยู่ที่ไหน! เขาโทรกลับไปที่ร้านอาหารที่เขาสั่งอาหารและอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ขอข้อมูลของพนักงานส่งของคนดังกล่าว แต่ร้านอาหารตอบกลับเขามาว่า คนส่งพึ่งลาออกไปและทำการเดลิเวอรี่ครั้งสุดท้ายที่บ้านของคุณ นั่นทำให้เขารู้สึกกลัวมากและเกรงว่าเขาอาจจะกลับมาอีก แต่ก็พยายามคิดกับตัวเองว่า ‘เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในภาพยนตร์เท่านั้น’
ในที่สุดหลังจากผ่านไป 12 ปีการสะกดรอยตามก็ลดลง แจจุงกล่าวว่าเขา “ได้พบอิสรภาพในที่สุด” หลังจากที่ปรับตัวเขากับที่อยู่ใหม่และบ้านของเขาในตอนนี้ เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเขาไม่ต้องย้ายอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นเขายังขายรถของเขาทั้งหมดอีกด้วย ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระและดีใจอย่างมากที่ทุกอย่างจบลง เขาสามารถเดินไปรอบๆ ละแวกของเขาและทำทุกอย่างแบบคนปกติที่มีความสุข
ที่มา: koreaboo
ในขณะที่ฝันร้ายของแจจุงสิ้นสุดลงแล้ว แต่สำหรับไอดอลคนอื่นๆอีกหลายคนก็ยังต้องเจอกับพฤติกรรมที่น่ากลัวของซาแซงอยู่ ซึ่งแฟนๆ Kpop หลายคนก็ทราบถึงเหตุการณ์และความน่ากลัวที่เกิดขึ้นนี้ โดยหลายคนก็พยายามที่จะกระจายและแชร์ข้อมูลที่เกิดขึ้นว่าการกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากศิลปินก็มีสิทธิ์ส่วนบุคคลเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอีกด้วย
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand