Cr. aminoapps
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#วัฒนธรรมเกาหลี
#มหาวิทยาลัยเกาหลี
#เรียนต่อเกาหลี #คนเกาหลี
ใครอยากมาเรียนต่อที่เกาหลีบ้างคะ? ยกมือขึ้นหน่อย นอกจากกระแส KPOP แล้วเรื่องการศึกษาของเกาหลีก็ดีไม่แพ้ชาติไหนๆเลย จนหลายคนมีความคิดที่อยากมาเรียนต่อที่เกาหลี แต่เอ๊ะ! การมาเรียนต่อระดับมหาลัยที่เกาหลีจะแตกต่างจากการเรียนต่อที่ไทยหรือเปล่านะ?
วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูข้อแตกต่างของมหาวิทยาลัยเกาหลี vs ไทย ดูซิว่าแบบไหนจะสนุกกว่ากัน?
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง｜สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
ข้อแตกต่างของมหาวิทยาลัยเกาหลี vs ไทย
ไม่มีระเบียบการแต่งตัว
Cr. soompi
ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าในประเทศเอเชียมีไม่กี่ประเทศที่ยังมีระเบียบเรื่องชุดนักศึกษา นอกจากไม่มีชุดนักศึกษาแล้วนักศึกษาเกาหลีไม่มีระเบียบเรื่องการแต่งตัวใดๆค่ะ นักศึกษาทุกคนสามารถแต่งตัวได้ตามใจชอบ จะใส่ยีนส์, ย้อมสีผม 7 สีหรือแม้แต่รองเท้าแตะไปเรียนก็ได้ค่ะ
โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่ทุกคนต้องแต่งตัวอุ่นๆ แทบไม่มีใครอยากลุกขึ้นมาแต่งตัวตอนเช้าเลย จากที่เราเห็นมีบางคนแอบใส่ชุดนอนมาเรียนด้วยซ้ำ แต่ถ้าต้องร่วมงานพิธีสำคัญของมหาวิทยาลัย หรือมีกิจกรรมพิเศษนักศึกษาเกาหลีก็พร้อมใจกันแต่งตัวแบบสุภาพนะคะ
การลงเรียน
Cr. hancinema
การลงคลาสเรียนที่เกาหลีถือเป็นสิ่งที่หินมากๆ แม้แต่คนเกาหลีก็ยังต้องเตรียมตัวอย่างดีทุกครั้งเพื่อลงเรียน บางคนที่อินเตอร์เน็ตไม่เร็วมากก็ต้องยอมลงทุนไปนั่งร้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเลยค่ะ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ "มหาวิทยาลัยที่เกาหลีใครจะลงวิชาไหนก็ได้" ??
จากประสบการณ์ที่เราเคยเรียนที่ไทยเวลาที่ลงเรียน แต่ละชั้นปีก็จะลงตามวิชาที่กำหนดและถ้าสอบไม่ผ่านก็อาจจะไม่สามารถขึ้นชั้นปีต่อไปได้ค่ะ แต่ที่เกาหลีคือค่อนข้างฟรีสไตล์มากกว่า แต่ล่ะคนสามารถเลือกเรียนวิชาไหน จะเรียนกี่โมงหรืออยากให้วันไหนไม่มีเรียนก็สามารถจัดตารางได้เองเลยค่ะ (แต่ละชั้นปีจะมีวิชาเรียนที่กำหนดไม่เหมือนกัน)
นอกจากนั้นถ้าเกิดสอบไม่ผ่านวิชานั้นขึ้นมา ก็ไม่มีปัญหาสามารถเลื่อนขึ้นชั้นปีต่อไปได้เลยแล้วค่อยกลับมาลงเรียนอีกครั้งก่อนจบหรือเทอมต่อไปค่ะ ดังนั้นในคลาสเรียนเกาหลีจึงเป็นเรื่องปกติกมากที่จะเห็นรุ่นพี่ปีอื่นๆมาลงเรียนกับปี 1 ค่ะ
ไม่มีระบบพี่รหัส-น้องรหัส
Cr. moviestillsdb
ระบบพี่รหัส-น้องรหัส เป็นระบบที่ช่วยให้เด็กๆแต่ละชั้นปี ได้สร้างความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่ใกล้ชิดมากกว่าการรู้จักในฐานะรุ่นพี่ เป็นระบบที่เกือบทุกมหาวิทยาลัยที่ไทยมีค่ะ แต่ที่เกาหลีไม่มีระบบนี้! ไม่มีแม้แต่สายรหัสใดๆเลยค่ะ
จากประสบการณ์การเรียนมหาลัยที่เกาหลีของเรา รหัสนักศึกษาจะขึ้นต้นด้วยปีที่เข้าเรียน (เหมือนไทย) แต่เลขรหัสข้างหลังจะเป็นลำดับตามจำนวนของคนในคณะที่เข้าเรียน ดังนั้นจึงไม่มีสายรหัส แล้วหนังสือเรียนชีทเรียนต่างๆจะทำไง? คำตอบคือ "ขาย!" ให้รุ่นน้องค่ะ
ปล. บางมหาวิทยาลัยในเกาหลีอาจจะมี แต่ของมหาวิทยาลัยของเราไม่มีค่ะ
เพื่อนนั้นหายาก
อย่างที่เกริ่นไปว่ามหาวิทยาลัยที่เกาหลีไม่มีระบบพี่รหัส-น้องรหัสแถมตอนเรียนยังเลือกตารางเองได้เองอีก ดังนั้นโอกาสการหาเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่เกาหลีจึงเป็นเรื่องค่อนข้างยาก (แม้แต่กับคนเกาหลีก็ยาก) ไม่เหมือนที่ไทยที่แต่ละชั้นปีจะเรียนไปพร้อมๆกันทำให้เห็นหน้ากันบ่อยๆจนเป็นเพื่อนกันค่ะ
จากการถามเพื่อนเกาหลีหลายคนก็รู้ว่ามา วิธีการหาเพื่อนที่ดีที่สุดคือ "การเข้าชมรม" นั้นก็เพราะว่ากิจกรรมชมรมจะรวมคนที่มีความชอบคล้ายๆกันและได้รู้จักเพื่อนหลากหลายคณะด้วยค่ะ เพื่อนเราบอกว่าตลอดการเรียน 4 ปีมีเพื่อนที่ปีเดียวกันคณะเดียวกันที่สนิทกันไม่ถึง 5 คนค่ะ (เราเรียนป.โทที่นี่นะคะ นักเรียนต่อคลาสเลยไม่เยอะมากด้วยค่ะ)
ห้ามให้ของขวัญอาจารย์
Cr. hancinema
ความจริงแล้วที่ไทยเรื่องการให้ของขวัญอาจารย์เนื่องในเทศกาลต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ (หรือเปล่า?) แต่ที่เกาหลีค่อนข้างซีเรียสมากๆ ถึงขั้นออกเป็นกฎระเบียบว่า "ของขวัญที่จะมอบให้กับครูอาจารย์ต้องมีมูลค่าไม่เกิน 30,000 วอน (ประมาณ 900 บาท)" ค่ะ
หลายคนอาจคิดว่า "แอบให้ก็ได้" แต่ความจริงแล้วคนเกาหลีค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้สุดๆ ประสบการณ์การตรงของเราก็เคยเอาของขวัญไปให้อาจารย์เพื่อขอบคุณในวันปีใหม่ (ตามนิสัยคนไทย) ขนาดแอบฝากให้แล้วก็ยังโดนอาจาร์ยดุว่า "คราวหลังไม่ต้องเอามาให้แล้วนะ"
เป็นยังไงบ้างกับความแตกต่างของมหาวิทยาลัยเกาหลี vs ไทย? ถ้าเลือกได้ทุกคนชอบความแตกต่างไหนมากที่สุดคะ? แล้วถ้าเป็นไปได้มีข้อไหนบ้างที่อยากเอาไปปรับใช้กับระบบมหาวิทยาลัยของไทย?
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้่า สวัสดีค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
