logo
logo
DEPRECATED_CloseIcon

เรื่องราวสะเทือนใจของการเสียชีวิตของเด็กวัย 16 เดือน "จองอิน"

ชาวเกาหลีโกรธตำรวจ! หลังแพทย์เผยสภาพร่างกายและจิตใจของจองอินในรายการ "คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ"

피비 @creatrip
4 years ago
เรื่องราวสะเทือนใจของการเสียชีวิตของเด็กวัย 16 เดือน "จองอิน"-thumbnail
เรื่องราวสะเทือนใจของการเสียชีวิตของเด็กวัย 16 เดือน "จองอิน"-thumbnail

สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน


#ข่าวเกาหลี #อัพเดท

#ทารุณกรรมเด็ก #พ่อแม่บุญธรรม


เหตุการณ์การเสียชีวิตของเด็กวัย 16 เดือน "จองอิน" ที่ถูกพ่อแม่บุญธรรมซึ่งรับไปเลี้ยงดูทำทารุณกรรมสร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเกาหลีเป็นอย่างมาก

ซึ่งหลังจากที่รายการ Unanswered Question ได้ออกอากาศเกี่ยวกับการทดลองและเปิดเผยคำวินิจฉัยของแพทย์ กลับทำให้ชาวเกาหลีรู้สึกโกรธมากขึ้น เนื่องจากตำรวจกลับเผิกเฉยคำร้องเรียนที่หลายๆคนเคยพยายามช่วยจองอินมาก่อน

ขอให้น้องไปสู้ภพภูมิที่ดี #ขอโทษนะจองอิน


🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี


เรื่องราวสะเทือนใจของการเสียชีวิตของเด็กวัย 16 เดือน "จองอิน"


เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ของปีที่แล้ว (2020) สำนักงานตำรวจยังชอน โซลได้จับกุมพ่อแม่บุญธรรมสองคน "จางและอัน" ในข้อหาทำให้จองอิน ลูกสาวของพวกเขาเสียชีวิต หลังตำรวจเพิกเฉยต่อการรายงานเกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็กถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในที่สุดตำรวจก็ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ ซึ่งสายไปแล้ว เนื่องจากจองอินเสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยที่โรงพยาบาล



ก่อนหน้านี้ในการสอบสวน ทั้งจางและอันปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าพวกเขา “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของจองอิน” แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่า พวกเขาพบว่าจาง (ผู้เป็นแม่) ได้ถ่ายทำวิดีโอของตัวเองกว่า 800 คลิป ขณะที่กำลังทำร้ายจองอินทั้งทางร่างกายและจิตใจ


ไม่เพียงเท่านั้น ตำรวจยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผลการชันสูตรศพสาเหตุการเสียชีวิตของจองอิน เกิดจาก "ความเสียหายที่ช่องท้อง ที่เกิดจากแรงกระแทกภายนอก"



ผลการสืบสวนยืนยันว่าผู้เป็นแม่ "จาง" ได้ทารุณกรรมจองอินวัย 16 เดือนอย่างไร้ความปราณี ทำให้ชาวเกาหลีรู้สึกโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากครอบครัวนี้เคยปรากฏตัวในรายการทีวีด้วยกัน โดยแสร้งทำเป็นว่าเป็นครอบครัวที่มีแต่ความรักและความอบอุ่น

"อัน" พ่อบุญธรรมกล่าวว่า เขาต้องการแสดงให้โลกเห็นว่าไม่เพียง แต่คนดังเท่านั้น คนธรรมดาทั่วไปอย่างพวกเขาก็สามารถรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้เช่น การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย แต่เป็นสิ่งที่ควรเฉลิมฉลอง




แม้ว่าการสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป ชาวเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้จางและอัน ถูกพิจารณาคดีในข้อหาพยายามฆ่าและทำร้ายเด็ก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการเปรียบเทียบภาพก่อนการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมและหลังการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมของจองอินเผยแพร่ทางโลกออนไลน์อีกด้วย

ภาพดังกล่าวบันทึกให้เห็นถึงความแตกต่างของเธอ เพียงแค่ 2 เดือนหลังจากที่จองอินถูกรับเลี้ยง สภาพของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจนน่าตกใจ โดยในตอนนี้ชาวเกาหลีได้ยื่นคำร้องต่อ Blue House ซึ่งแต่ละคำร้องมีคนเกาหลีเข้าร่วมลงชื่อเกินกว่า 200,000 คน สะท้อนให้เห็นถึงความตกใจและความโกรธต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของคดีนี้อย่างมาก



จากนั้นในวันที่ 2 มกราคม 2021 ตอนหนึ่งของรายการโทรทัศน์ "Unanswered Questions (คำถามที่ยังไม่ได้ตอบ)" ได้เปิดเผยความจริงที่น่าสยดสยองที่สุดเบื้องหลังระดับของการทารุณกรรมที่แท้จริง ซึ่งจองอินต้องเผชิญและทนอยู่ในช่วงสิบเดือนสุดท้ายของเธอหลังจากการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม



ในตอนแรกของรายการ เผยสาเหตุของการเสียชีวิตว่า "เนื่องจากความเสียหายที่เกิดในช่องท้อง จากแรงกระแทกภายนอก” โดยเฉพาะที่ตับอ่อน ซึ่งได้รับความเสียหายมากที่สุด โดยแพทย์ได้กว่าว่า “ตับอ่อนของเด็กแตก ซึ่งส่วนที่แตกเป็นบริเวณสามส่วนบน AIS”

โดยความเสียหายที่ช่องท้องซึ่งรุนแรงขนาดนี้ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับแรงกระแทกอย่างหนักและมีกำลังประมาณ 3,800 - 4,200N



ทางรายการได้ทำการทดลองเพื่อค้นหาว่ากำลังความแรง 3,800 - 4,200N เกิดจากการกระทำใดได้บาง โดยผู้ทำการทดสอบคือหญิงสาวที่มีความสูงและน้ำหนักใกล้เคียงกับแม่บุญธรรมจาง และทุ่นเด็กตัวเล็ก

เธอเริ่มจากปล่อยทุ่นให้ตกลงมาจากระดับความสูงของตัวเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่จางได้กล่าวกับตำรวจเมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับรอยฟกช้ำและสาเหตุที่กระดูกของจองอินหัก แต่จากการทดสอบพบว่าก่อให้เกิดความแรงเพียง 720-1,433N ซึ่งต่ำกว่าช่วงที่ประเมินไว้มาก



การทดลองดำเนินต่อไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักกีฬามืออาชีพ เริ่มจากผู้เล่นเทควันโดสามารถเข้าถึงความแรง 2,713N ได้โดยการเตะหุ่นเข้าที่หน้าท้อง นักมวยอีกคนทำความแรงไปได้ 4,387N ด้วยการขว้างหุ่นไปชนเข้ากับกำแพงแบบเต็มแรง

ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมที่ดูแลการทดลองกล่าวเสริมว่า “ตัวเลขจะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหุ่นกระแทกกับกำแพง ซึ่งถือเป็นแรงที่เกิดจากภายนอก 100%” - บอกใบ้ว่าจองอินอาจถูกทารุณในลักษณะเดียวกัน



ทางรายงานยังคงทำการทดลองต่อ โดยนึกถึงการกระทำทารุณกรรมที่อาจเกิดขึ้นกับจองอินได้ เช่น เดินเหยียบทุ่นที่วางอยู่บนพื้น ได้ความแรง 1,778N และยืนบนทุ่น ได้ความแรง 1,927N

มีเพียงวิธีการเดียวที่เธอทำแล้วได้ความแรงตามที่คาดการณ์ คือเมื่อเธอกระโดดลงจากโซฟาและตะครุบทุ่น โดยกำลังที่วัดได้พุ่งขึ้นไปถึง 3,869N ซึ่ง Unanswered Questions ได้กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า พวกเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจางผลักจองอินในวิธีเดียวกันกับที่ทำการทดลองหรือใช้วิธีอื่น



อย่างไรก็ตาม การทดลองครั้งนี้ก็สามารถสรุปได้อย่างหนึ่งว่า คำพูดที่เธอกล่าวว่า "ทำจองอินร่วง" นั้นไม่น่าจะเป็นความจริง แต่การเสียชีวิตเกิดขึ้นจากการโดนทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงและหลายครั้ง เช่น กระโดดจากโซฟาลงมาทับที่บริเวณหน้าท้องของเด็ก จึงทำให้ตับอ่อนของจองอินแตก

หลังจากรายการออกอากาศ ชาวเกาหลีได้ยกให้เป็นตอนนี้เป็นตอนที่ "สะเทือนใจมากที่สุด" ของรายการ ซึ่งส่งผลทำให้คนเกาหลีจำนวนมากร่วมลงชื่อและพยายามที่จะผลักดันรัฐบาลและระบบกฎหมายอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการลงโทษขั้นสูงสุดต่อการทำอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็ก



ตอนล่าสุดของรายการ Unanswered Questions ได้เปิดเผยถึงความจริงที่น่ากลัวเบื้องหลังจากเสียชีวิตของจองอิน เด็กทารกอายุ 16 เดือนที่ถูกพ่อแม่บุญธรรม อันและจางผู้รับไปเลี้ยงดูทำร้าย

ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้ประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของจองอินในช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ จากผลการทดสอบและภาพกล้องวงจรปิด โดยศาสตราจารย์นัมกุงอิน จากแผนก ER ที่โรงพยาบาลอีฮวา ในมกดง กรุงโซลซึ่งจองอินเข้ารับการรักษาก่อนเสียชีวิต เปิดเผยผลการตรวจที่พบว่าจองอินถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรงมากในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา



ขณะที่จองอินเข้ารับการรักษา เนื่องจากภาวะหัวใจหยุดเต้น พวกเราสามารถที่จะช่วยให้เธอฟื้นคืนสติได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ศ.นัมกุงกล่าวว่า เมื่อเขาได้เห็นผล CT สแกน…เขาก็รู้สึกโกรธมากขึ้นมาทันที เพราะ CT สแกนของจองอินเผยให้เห็นว่าช่องท้องของเธอเต็มไปด้วยเลือด ศาสตราจารย์อธิบายว่า“ พื้นที่สีเทาทั้งหมดคือเลือดจากลำไส้ที่แตกของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในนั้น

แพทย์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่ออวัยวะภายในแตก ก็จะทำให้เกิดภาวะเลือดออกและติดเชื้อเต็มไปทั่วช่องท้อง ท้องของจองอินเริ่มเน่า แต่จริงๆแล้วเธออาจมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ หากนำตัวเข้ามารักษาทันที แต่เธอไม่ได้ถูกนำตัวมารักษา



นอกจากนี้ยังมีการเผยภาพเอ็กซเรย์ของจองอิน โดยแพทย์ได้ชี้ให้เห็นว่า “กระดูกบางส่วนที่หักนั้นเป็นรอยเก่าแล้ว แสดงว่าเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ และได้รักษาตัวเองเป็นที่เรียบร้อย แต่กระดูกบางส่วนก็พึ่งหักไม่นานมานี้” จากบาดแผลและรอยแผลเป็นของจองอิน ศ.นัมกุงได้กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “การทารุณกรรมในกรณีของจองอินรุนแรงและชัดเจนมากจนสามารถที่จะนำไปเป็นกรณีศึกษาในหนังสือเรียนได้"

พร้อมเสริมอีกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นการหักของกระดูกแบบนี้จากเด็กที่กำลังเติบโตภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่อย่างเพียงพอ



ศ.นัมกุงอินไม่ได้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ถึงการทำร้ายร่างกายจองอิน ในวันที่ 12 ตุลาคม 2020 ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าที่เธอจะเสียชีวิต จองอินได้เข้าเรียนที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ซึ่งครูก็รู้สึกผิดปกติเนื่องจากเธอขอให้กอดตลอดเวลา

ครูเริ่มกังวลเกี่ยวกับอาการของจองอินและเริ่มสังเกตร่างกายของเธอเพื่อหาบาดแผลใหม่ ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพครูพบว่าช่องท้องของจองอินขยายอย่างผิดปกติ ต่อมามีการกล่าวกันว่าครูคนนี้ได้ให้คำแนะนำอัน พ่อบุญธรรมของจองอินเกี่ยวกับปัญหานี้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก




ศาสตราจารย์พายกีซู จากแผนกกุมารเวชศาสตร์ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอาจูกล่าวว่า จาก CT สแกนพบว่า ลำไส้ของเธอถูกเจาะทะลุ ทำให้พบก๊าซในช่องท้อง ซึ่งการที่ก๊าซเข้าไปอุดอยู่ในลำไส้ ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างสุดจะพรรณนา ซึ่งจองอินในวัย 16 เดือนไม่สามารถที่จะพูดสื่อสารและบอกถึงอาการเจ็บของเธอได้ ทำได้เพียงแค่ทนทุกข์ทรมานอย่างน่าสงสาร

จากภาพของกล้องวงจรปิด จองอินไม่ร้องไห้หรือแสดงความเจ็บปวดใดๆ แต่เธอปฏิเสธที่จะกินหรือดื่ม ทำเพียงแค่นั่งอยู่คนเดียวอย่างไร้ชีวิตชีวา



พโยจินวอน กุมารแพทย์อีกคนอธิบายว่าจองอิน “อยู่ในสภาพที่เมินเฉยกับทุกสิ่ง”

ทางการแพทย์เราจะวินิจฉัยว่าจองอินเพิกเฉยต่อทุกสิ่ง ดูเหมือนเธอจะไม่มีอารมณ์ๆ แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกันที่มักจะเล่นซนและจะไม่อยู่นิ่งแบบนี้ อาการของเธอทางการแพทย์ถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้จะเห็นได้ชัดในเด็กมีปัญหาทางด้านจิตใจ




ครูพี่เลี้ยงถือว่าเป็นกลุ่มแรกที่รวบรวมหลักฐานภาพถ่ายและรายงานข้อสงสัยเกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็กที่บ้าน ในเดือนมีนาคมปี 2020 จองอินเข้ามาที่ศูนย์โดยมีรอยช้ำขนาดใหญ่ที่ด้านข้างของใบหน้า สัปดาห์ต่อมาก็มีเพิ่มขึ้นมาบนแก้มของเธอ

ภายในเดือนพฤษภาคม 2020 ครูได้ยื่นรายงานฉบับแรกหลังจากพบรอยฟกช้ำผิดปกติที่ต้นขาของจองอิน น่าเสียดายที่รายงานของตำรวจฉบับแรกสรุปว่าผู้ปกครองไม่ได้มีความผิด ซึ่งครูคนหนึ่งได้เล่าว่า “ตำรวจบอกไม่สามารถตั้งข้อหาทารุณกรรมเด็กได้ เว้นแต่จะมีรอยแตกหรือเป็นแผลเปิด” ไม่เพียงเท่านั้น แม่ของเธอยังกล่าวว่ารอยฟกช้ำที่ต้นขาเกิดจาก พ่อของเธอนวดให้เธอ แต่ใครจะนวดทารกแรงจนฟกช้ำ?



ซึ่งหลังจากการแจ้งตำรวจครั้งแรก จองอินก็ไม่ไม่ปรากฏตัวที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเป็นเวลาระยะหนึ่ง ในเดือนมิถุนายน 2020 เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการแจ้งเกี่ยวกับการทารุณกรรม โดยเพื่อนบ้านได้แจ้งกับตำรวจว่าพบจองอินนอนอยู่คนเดียวในรถซึ่งล็อคอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปผลการสอบสวนเข้าข้างทั้ง 2 อีกครั้งและไม่ถือว่าเป็นความผิด



ไม่กี่เดือนต่อมาเมื่อเธอกลับมาที่ศูนย์ ในเดือนกันยายนปี 2020 ครูก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เนื่องจากจองอินกลับมาพร้อมกับน้ำหนักตัวที่ลดลงไปอย่างมากกว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม คาดว่าหายไปกว่า 2 ปอนด์




พวกครูพาจองอินไปโรงพยาบาลทันที โดยแพทย์ที่เห็นจองอินได้ยื่นรายงานตำรวจเป็นครั้งที่สาม เธอจำได้ว่าเธอยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะให้จองอินแยกจากพ่อแม่ "เพราะต้องมีการทารุณกรรมเด็กเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

แพทย์ผู้ยื่นรายงานเกี่ยวกับจองอินได้เปิดเผยว่า เขารู้ว่าเธอจะต้องถูกทำร้าย จึงได้กล่าวกับตำรวจว่าควรที่จะแยกเด็กออกจากพ่อและแม่ ซึ่งเธอไม่ได้รับการตอบรับ จึงสันนิษฐานว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เพียงพอแล้ว แต่ก็มาทราบภายหลังว่าจองอินเสียชีวิตแล้ว ...



หลังจากรายการดังกล่าวออกอากาศ สถานีตำรวจยังชอนและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการทำงานและความล้มเหลวที่จะปกป้องจองอิน ซึ่งสำนักงานตำรวจนครบาลกรุงโซลได้ออกแถลงการณ์ในไม่ช้าว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 11 คนที่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการรายงานของจองอิน "จะได้รับบทลงโทษสำหรับการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ"


อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเปิดเผย “บทลงโทษ” ของเจ้าหน้าที่ ชาวเกาหลีก็กลับโกรธมากขึ้น เพราะบทลงโทษที่ได้รับเป็นเพียงแค่การเตือนเท่านั้น ซึ่งระดีบการลงโทษของเจ้าหน้าที่รัฐในเกาหลี เช่น ตำรวจ ทำได้ตั้งแต่การตัดสิทธิ์อย่างถาวร, การปลดออกจากตำแหน่ง, พักงาน, พักการจ่ายเงินและการตำหนิ

"คำเตือน" ถือว่าอยู่นอกขอบเขตของการตำหนิ (โทษเบาที่สุด) และไม่ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งในทันทีหรือโดยตรง



ฉะนั้นนอกเหนือจากการยื่นคำร้องและอุทธรณ์ให้พ่อแม่บุญธรรมของจองอินจางและอันถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าและทารุณกรรมเด็กแล้ว ชาวเกาหลียังเรียกร้องบทลงโทษที่หนักกว่าสำหรับตำรวจด้วยเช่นกัน



ในขณะเดียวกันคนดังของเกาหลีเช่น จีมิน BTS, ดาราตลก คิมวอนฮโย, อดีตผู้ประกาศข่าว แพแบฮยอนและอีกมากมายกำลังเข้าร่วมในแคมเปญ“ #정인아미안해 (#จองอินขอโทษนะ)” เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคดีนี้และเกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็ก

ที่มา: koreaboo1, koreaboo2

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ข่าวเกาหลี

โพสต์ที่น่าสนใจ
CCTV จับภาพผู้ชายทำร้ายแฟนสาว
สามีถูกจับหลังเชิดเงินงานแต่ง
บทลงโทษพ่อแม่ทำร้ายลูก