10 เรื่องที่คนมาอยู่เกาหลีมักจะรู้กัน
โรงหนังในเกาหลีสามารถเอาอาหารจากร้านข้างนอกเข้าไปทานได้ด้วย? ค่ามัดจำบ้านที่พักแพงมาก ๆ? คนเกาหลีเกือบทุกคนเคยไปนัดบอดมาแล้ว?
ที่มา: Soompi
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#รู้ไว้ใช่ว่า #เรื่องน่ารู้
#รีวิวเกาหลี #วัฒนธรรมเกาหลี
เวลาที่ไปเที่ยวต่างประเทศกับการที่ต้องอาศัยอยู่จริงนั้นมักจะไม่เหมือนกันค่ะ เช่นกันกับกรณีการมาเที่ยวเกาหลีที่นักท่องเที่ยวจะมาแค่ระยะสั้น จึงยังไม่ได้สัมผัสวิถีชีวิตจริง ๆ ของที่นี่
เราเลยอยากบอกเล่าถึงเรื่องน่ารู้ในเกาหลีที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ถ้าอยากรู้แล้ว ตามมาได้เลยค่ะ~
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈บริการความงาม / เครื่องเขียน / รองเท้า / เครื่องแต่งกายเกาหลี
รู้ไว้ใช่ว่า? 10 เรื่องที่คนมาอยู่เกาหลีมักจะรู้กัน
1. เอาอาหารจากข้างนอกเข้าไปทานในโรงภาพยนตร์ได้ แม้แต่แอลกอฮอล์
(ที่มา: popcornfor2)
จริง ๆ แล้วเราเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้เองค่ะ ถือว่าอะเมซิ่งมาก ๆ เพราะโรงหนังที่บ้านเราไม่อนุญาตให้นำอาหารจากด้านนอก ยกเว้นที่ขายโดยร้านค้าของโรงภาพยนตร์เข้าไปทานด้านใน ความพีคคือ ไม่ได้เอาแค่ของชิ้นเล็ก ๆ เข้าไปทาน แต่บางคนเล่นใหญ่ขนาดที่ว่า เอาพิซซ่าเข้าไปทานด้วยเลย แม่เจ้า! แถมยังเอาเบียร์เข้าไปดื่มได้อีกด้วย ฟินอะไรจะขนาดนี้~
ที่มา: dramabeans
มีคนพูดถึงที่มาของการอนุญาตให้เอาอาหารเข้าไปทานได้แบบนี้ว่า มาจากนโยบายของยุคประธานาธิบดีพัคกึนฮเย บ้างก็ว่าเคยมีการฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลและศาลตัดสินว่า โรงภาพยนตร์ไม่มีสิทธิในการห้ามนำอาหารจากด้านนอกเข้าไปทานค่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน แต่ก็คงต้องขอบคุณล่ะค่ะ 555
2. ภาพยนตร์ต่างชาติในเกาหลีเข้าโรงช้ามาก
ที่มา: koreabizwire
ต่อเนื่องมากับโรงหนังอีกข้อ ขอบอกว่า ข้อนี้เราไม่ได้คิดไปเองนะคะ เพราะเพื่อนเราก็บ่นกันใหญ่ มีช่วงหนึ่งที่เรากลับไทยแล้วเรื่อง Coco ของดิสนีย์เข้าโรงไปเรียบร้อยแล้ว พอหนึ่งเดือนหลังจากนั้นกลับเกาหลีซักพักใหญ่ ๆ เรื่อง Coco ถึงเพิ่งจะเข้าค่ะ รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เข้าช้าจนเพื่อนที่ไทยมาสปอยล์ให้ฟังหมดเลย (ร้ายกาจมาก)
ที่มา: nytimes
หนึ่งในสาเหตุที่อาจเป็นอย่างนั้นสืบเนื่องมาจากนโยบาย Screen Quotas ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่ปกป้องและส่งเสริมอุตสาหกรรมหนังของเกาหลี จึงจำกัดการฉายของภาพยนตร์ของต่างชาติและทำให้ภาพยนตร์เข้าช้านั่นเอง จริง ๆ แล้วอาจจะมีสาเหตุอื่นร่วมอยู่ด้วย ถ้าใครพอจะรู้ คอมเมนท์บอกเราได้เลยนะคะ
3. ค่ามัดจำที่พักของเกาหลีแพงมาก ๆ
ที่มา: kdrama tweets
ค่าเช่าบ้านที่เกาหลีแพงมาก ๆ จนใคร ๆ ก็บ่นกัน เงินเดือนที่ว่าสูง ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คือหมดไปกับค่าที่พักค่ะ ที่เกาหลีจะมีการจ่ายค่าเช่าบ้าน 2 แบบคือแบบจอนเซ (จ่ายเหมาเป็นปีหรือนานกว่านั้น แล้วแต่สัญญา) กับแบบวอลเซ (จ่ายค่ามัดจำก้อนหนึ่ง จากนั้นก็จ่ายค่าเช่าทุกเดือน)
ที่มา: soompi
ถ้าเป็นนักศึกษาหรือวัยทำงานแรก ๆ จะจ่ายแบบวอลเซซะเป็นส่วนใหญ่ ความถูกแพงขึ้นอยู่กับที่ตั้งของบ้าน ถ้าอยู่ย่านทำงานอย่างกังนัมหรือย่านมหาวิทยาลัยอย่างชินชน ค่าที่พักก็จะสูง อย่างค่ามัดจำบ้านอย่างต่ำ ๆ คือ 10 ล้านวอน (ประมาณ 290,000 บาท)
ถ้าแถบใกล้รถไฟฟ้าหรือที่มีละแวกบ้านดี ๆ เดินทางสะดวกก็จะพุ่งไปที่เริ่มต้น 20 ล้านวอน (ประมาณ 580,000 บาท) จากนั้นก็จ่ายเดือนละตั้งแต่ 550,000 วอน (ประมาณ 15,000 บาท) เป็นต้นไป จนถึงราว ๆ ล้านวอนหรือมากกว่านั้น
ที่มา: koreandramafashion
ส่วนจอนเซจะเป็นการเช่าบ้านแบบสไตล์เกาหลี๊เกาหลีค่ะ ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีงานทำและสามารถกู้เงินได้ เนื่องจากต้องจ่ายเป็นก้อนใหญ่มาก เช่น ถ้าต้องการพักในโซลและจ่ายแบบจอนเซ ราคายืนพื้นคือ 500 ล้านวอน (ประมาณ 15 ล้านบาท) ค่ะ พอจ่ายเสร็จ ตลอดทั้งปีนั้นก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแล้ว
หากหมดสัญญาเช่าก็จะได้เงินคืนทั้งหมด ถ้าเจ้าของบ้านที่ให้เช่าไม่มีเงินมาคืน บ้านนั้นก็จะตกเป็นของผู้เช่าทันที สาเหตุที่เจ้าของบ้านให้เช่าส่วนมากชอบจอนเซเพราะได้เงินเป็นก้อนเอาไปหมุนต่อ เช่น เอาไปซื้อตึกหลังใหม่เพื่อนำมาออกให้เช่าเพิ่มหรือเอาไปลงทุนกับกิจการอื่นอีกนั่นเอง
5. เวลาข้ามถนนตรงที่มีสัญญาณไฟจราจร ไม่ต้องกดปุ่มเพื่อข้าม
ที่มา: kultscene
เวลาที่มีทางม้าลายพร้อมไฟจราจร ไม่ต้องกดปุ่มรอข้ามเหมือนที่ไทยนะคะ ที่เกาหลีจะเป็นสัญญาณแบบอัตโนมัติอยู่แล้ว ที่มีปุ่มให้กดนั้นทำขึ้นมาสำหรับผู้ที่พิการทางการมองเห็น เพราะถ้ากด จะมีเสียงเป็นสัญญาณบอกว่า ให้ข้ามได้หรือเสียงตามจำนวนเวลาการข้ามที่ลดลงเรื่อย ๆ นั่นเองค่ะ
6. หาร้านอาหารเช้ายากมาก
ที่มา: Pinterest
เนื่องจากคนเกาหลีมีไลฟ์สไตล์ที่หลับดึกตื่นสายมาก ๆ ทำให้ไม่ค่อยมีร้านอาหารเช้าเปิดขายเหมือนบ้านเราเท่าไหร่นัก ยิ่งย่านนักศึกษายิ่งเปิดสาย เปิดสิบเอ็ดโมงหรือเที่ยงนู่นค่ะ ร้านที่พอจะฝากท้องยามเช้าได้ก็มีแต่ร้านแฟรนไชส์อย่าง EggDrop ISAAC หรือ Paris Baguette รวมถึงร้านขนมปังอื่น ๆ ส่วนร้านโลคอลส่วนใหญ่จะเปิดสาย แต่ปิดค่ำค่ะ
7. กล้อง CCTV มีเยอะมาก
ที่มา: Yonhap News
ต่างจากร้านอาหารเช้า ที่เกาหลีมีกล้อง CCTV เยอะมาก ยุ่บยั่บเต็มไปหมดทุกทนทุกแห่ง จากข้อมูลของเว็บ Koreatimes ในปี 2017 มีกล้อง CCTV ในเกาหลีถึง 8 ล้านจุดด้วยกันซึ่งมีเพื่อใช้ในการรักษาความปลอดภัยและเพื่อความแม่นยำในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ เนื่องจากพยานอาจให้การเท็จได้
แต่ด้วยจำนวนกล้อง CCTV ที่เยอะมากทำให้หลายคนกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและการที่กล้องอาจโดนแฮกเกอร์ทำไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้เช่นกัน
8. ถ้าเก็บของที่เจ้าของทำหาย จะได้เงินตามกฎหมายด้วย
ที่มา: Kstarlive
ถ้าเป็นที่ไทย เวลาที่เราทำของหายแล้วมีคนเก็บของเราได้ เรื่องสินน้ำใจที่เราจะให้ก็ขึ้นอยู่กับเราใช่มั้ยคะว่าจะให้เป็นเงินเท่าไหร่ แต่ที่เกาหลีมีกฎที่ผู้ส่งคืนของให้สามารถเรียกเงินได้ 5-20% ของมูลค่าของซึ่งจะเรียกหรือไม่เรียกเงินนั้นก็แล้วแต่คนที่เก็บได้เลยค่ะ(ที่มา: KBS News)
9. ร้านหนังสือในเกาหลีเยอะมากและหนังสือเรียนมักจะแปลจากภาษาต่างประเทศเป็นเกาหลี
ที่มา: ONkpop
ร้านหนังสือในเกาหลีนอกจากร้านใหญ่ ๆ ที่มีหลายสาขาอย่าง Kyobo และร้านใหญ่ ๆ อลังการอย่าง Starfield Library แล้ว ร้านโลคอลเล็ก ๆ มีอยู่ทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะในแถวรถไฟใต้ดินสถานีใหญ่ ๆ ก็มักจะมีร้านหนังสืออยู่ด้วยค่ะ ร้านหนังสือส่วนมากสนับสนุนการอ่านโดยให้คนไปอ่านหนังสือได้ฟรีโดยไม่ต้องซื้อ มีเก้าอี้ มีโต๊ะให้พร้อม
ที่มา: Pinterest
นอกจากนี้ ที่เกาหลียังขยันแปลหนังสือเรียนจากต่างประเทศเป็นเกาหลีอีกด้วยล่ะค่ะ เพื่อนเราที่เรียนสายวิทย์สุขภาพก็พูดถึงเรื่องนี้ว่า ตอนเรียนตรีในไทยต้องเรียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเพราะไม่ค่อยมีคนแปล แต่ที่เกาหลี มีแต่เกาหลีล้วนเลย เพื่อนในคลาสอินเตอร์เราที่เป็นคนเกาหลีก็มักจะซื้อหนังสือเวอร์ชั่นเกาหลี นอกเหนือจากเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษไว้อ่านด้วยล่ะค่ะ
10. คนเกาหลีส่วนใหญ่เคยไปนัดบอด(โซเก็ตติ้ง)กันมาแล้ว
ที่มา: 채널 NCT DAILY
โซเก็ตติ้งจะมีความคล้าย ๆ กับนัดบอดหน่อย ๆ ส่วนใหญ่เพื่อนจะแนะนำเป็นทอด ๆ ค่ะ พอแต่ละคนตกลงที่จะมาเจอกัน จุดประสงค์หลักก็คือการคบกันค่ะ ถ้าคุยแล้วคลิกก็คบ ถ้าไม่คลิก ก็เทแล้วหาคนอื่นต่อ ๆ มีทั้งเดทแบบคู่ แบบกลุ่มก็มี
อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวตอนที่เรียนภาษาเกาหลีกึบ 5 แล้วครูที่สอนให้ทำภารกิจสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราเลยไปถามเพื่อนเกาหลีที่รู้จักเกือบทุกคนและนักเรียนเกาหลีคนอื่นแบบแรนด้อมซึ่งทุกคนที่เราถามต่างเคยไปโซเก็ตติ้งมากันทั้งนั้นแล้วค่ะ แต่ละคนก็พูดว่า โซเก็ตติ้งก็คืออีกวิธีในการหาแฟน ไม่ได้แปลกอะไร ที่อื่นน่าจะไม่ค่อยชินกันเท่าไหร่เพราะถ้าไม่เจอในโซเชียลก็มักจะเจอในชีวิตประจำวัน แล้วค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์กันเอาเอง
เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน? มีแต่เกร็ดน่ารู้ที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่มั้ยละคะ ขอบอกเลยว่า ตอนมาอยู่ใหม่ ๆ ก็งง ๆ อ๊อง ๆ เหมือนกันแหละค่ะ 555
ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่ะ~
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈บริการความงาม / เครื่องเขียน / รองเท้า / เครื่องแต่งกายเกาหลี
โพสต์ที่น่าสนใจ |
มารยาทขั้นพื้นฐานของชาวเกาหลี |
อัพเดทเทรนด์ทรงผมฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 |
10 วิธีดื่มโซจูให้ปัง ๆ ตามฉบับคนเกาหลี |