จดหมายจากแม่ผู้ติดเชื้อ
เรียกน้ำตา: เมื่อสามีภรรยาผู้ติดเชื้อต้องทิ้งลูกให้อยู่ลำพัง....? จดหมายจากแม่ผู้ติดเชื้อที่ทำให้คนบนโลกออนไลน์นับไม่ถ้วนต้องหลั่งน้ำตา
#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโควิด 19
#จดหมายจากผู้ติดเชื้อ
บทความนี้เขียนและเป็นลิขสิทธิ์ของ brunch โปรดอย่าคัดลอกหรือผลิตซ้ำ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
ผู้เขียน:시나브로
ฉันคือผู้ติดเชื้อที่ไวรัสโควิด 19 ที่ได้รับการยืนยัน
ตอนนี้ฉันเข้ารับการรักษาและกักตัวอยู่ในห้องที่มีความกดดันเป็นลบ ที่ศูนย์การแพทย์คยองกีโด ในขณะเดียวกัน ฉันก็เป็นแม่ผู้มีลูก 2 คน ซึ่ง 1 คนอายุ 6 ปี และอีกคนพึ่งเกิดได้ยังไม่ถึง 100 วัน
ฉันมักที่จะติดตามข่าวและเช็คยอดผู้ติดเชื้ออยู่เสมอ แต่ท้ายที่สุด ฉันก็กลายเป็นหนึ่งในคนจำนวนหลายพันคนนั้น
หลังจากที่ถูกแยกออกจากครอบครัว เขาก็ต้องเริ่มที่จะใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากยังไม่ได้รับผลและการยืนยันการติดเชื้อของผู้เป็นพ่อ ในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ มันเป็นสิ่งที่ท้าทายและเจ็บปวดมากที่เป็นผู้ถูกยืนยันว่าพบเชื้อ แน่นอนว่าฉันไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ในสถานการณ์นี้ที่ฉันอยู่ รวมไปถึงทุกคนก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้โดยที่ไม่รู้ตัว ฉันจึงอยากที่จะอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อให้ทุกคนได้ทราบกัน
ฉันติดเชื้อไวรัสนี้มาจากสามี โดยที่สามีของฉันไม่มีอาการหวัด แต่หลังจากรู้สึกปวดเนื้อปวดตัว และมีไข้ เขาก็พบว่านี่คืออาการของไวรัสชนิดใหม่นี้ ซึ่งเขาติดมาจากผู้ร่วมงาน
ในตอนเช้าที่ฉันได้ยินข่าวมาว่าสามีของฉันติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ฉันก็ตื่นขึ้นอย่างทันที พร้อมกับจินตนาการภาพที่เห็นคนจำนวนมากใส่ชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาเพื่อแยกครอบครัวของเรา หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากศูนย์การแพทย์ สามีของฉันก็เดินทางออกไปเงียบๆ โดยขึ้นรถฉุกเฉินที่มารอรับอยู่ที่หน้าบ้าน เพื่อเดินทางไปยังสถานที่รักษา
หลังจากที่สามีถูกส่งตัวไปยังศูนย์ดูแล การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในบ้านก็พวกเราก็เริ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่และหัวหน้าจากศูนย์การแพทย์เดินทางมาที่บ้านเราพร้อมใส่ชุดป้องกัน และเนื่องจากพวกเราคือผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบและเก็บตัวอย่างเช่นกัน
เด็กชายที่อายุเพียงแค่ 6 ปี เป็นครั้งแรกของเขาที่เห็นคนใช้ชุดป้องกันและหน้ากากที่บ้าน เขาพยายามที่จะสังเกตุและตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านั้น พร้อมทั้งแคะจมูกและจับคอของเขาเป็นเวลานาน เด็กๆทำได้แค่ร้องไห้จนน้ำมูกไหลออกมา ช่วงเวลาที่พวกเขาอุ้มลูกของฉันอีกคนหนึ่งเพื่อทำการตรวจ ยิ่งทำให้ชั้นรู้สึกร้อนขึ้นมาอีกด้วยความเป็นห่วงลูก
หลังจากที่บ้านของพวกเราได้รับการฆ่าเชื้อเรียบร้อย ใบหน้าของพวกเราก็รู้สึกคันหยุบหยับ เป็นเพราะน้ำยาที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ จึงได้ตัดสินใจเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศและกลิ่น ซึ่งกลิ่นทั้งหมดหายไปภายในเวลา 6 ชั่วโมง
บ้านของเรานั้นดูยุ่งเยิง ส่วนเด็กๆและฉันก็สามารถที่จะอยู่ได้เพียงแค่ที่บ้านเท่านั้น
เมื่อพบผู้ติดเชื้อที่บริเวณบ้านของเรา ผู้คนก็ดูเซนซิทีฟขึ้นมาก ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ พวกเราได้แต่หลบซ่อนอยู่ในห้อง ดูแลลูกๆ และนั่งคิดอย่างเงียบๆ ว่าแม้แต่สามีของฉันจะถูกแยกออกไป พวกเราก็จะต้องใช้ชีวิตกันให้ได้ ฉันนั่งคิดไปจนเผลอหลับ
เวลา 1.30 น. ตอนเช้า หลังจากที่น้อยพักไปได้เล็กน้อย โทรศัพท์จากศูนย์การแพทย์ก็ติดต่อมา ซึ่งเป็นการพูดที่ร้อนลนและรวดเร็วมากในตอนท้าย เหมือนกับฟ้าผ่า
ผลการตรวจของฉันเป็น "บวก"
แต่นอกจากฉันแล้ว เด็กๆทั้ง 2 คนมีผลเป็น "ลบ" ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือแยกเด็กๆของจากฉัน
หัวของฉันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ต้องแยกจากลูกๆอย่างทันที มือของฉันก็เริ่มที่จะสั่น ฉันไม่มีไข้หรืออาการใดที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงอาการเจ็บหรือปวด อย่างไรก็ตามเมื่อเรานึกถึงว่าจะต้องแยกจากลูกทั้ง 2 ที่ต้องการคนดูแล เพราะอายุเพียงแค่ 6 ขวบ ส่วนอีกคนยังไม่ถึง 100 วันเลยด้วย พวกเขาจะอยู่อย่างไร? ฉันรู้สึกว่าหมดหนทางมาก และพยายามที่จะติดต่อครอบครัวเพื่อให้มารับพวกเขาไปดูแล
ฉันปลุกลูกที่กำลังหลับอยู่และบอกพวกเขามาฉันติดเชื้อไวรัส พร้อมกับเตรียมนมผง, ผ้าอ้อม, เสื้อผ้าและสิ่งที่จำเป็นอื่นๆทันที
ในเวลาตี 3 ของเช้าวันนั้น รถฉุกเฉินก็เดินทางมาถึงเพื่อรับตัวฉันไปที่ศูนย์การแพทย์ในคยองกีโด บ้านและที่อยู่ต้องถูกทำการฆ่าเชื้ออีกครั้ง
ฉันมีสุขภาพที่แข็งแรงมาเป็นเวลานาน และไม่เคยที่จะนั่งรถฉุกเฉินเดินทางไปยังโรงพยาบาลมาก่อน ฉันไม่เคยนอนโรงพยาบาล แต่กลับติดเชื้อไวรัสและต้องอยู่รักษาอย่างโดดเดี่ยวในห้องที่มีความดันเป็นลบ ไม่อยากจะเชื่อเลย
เมื่อเปลี่ยนชุดผู้ป่วยเรียบร้อย ในเวลาตี 4 ก็มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับการระบาดและกระจายของเชื้อ เนื่องจากเด็กๆและพวกเราอยู่แต่ที่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะอธิบายถึงเส้นทางที่ฉันได้เดินทางไป
นอกจากนี้ ฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ "ชินชอนจี" ฉันอยู่แต่ที่บ้านและสวมแมสก์ทุกครั้งเมื่อเดินทางออกไปที่ข้างนอก เรียกได้ว่าไม่ได้พบปะกับใครอื่นนอกจากครอบครัว
ฉันไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ลง ตาของฉันเปิดกว้างอยู่ตลอดเวลา มองไปรอบๆ และไม่สามารถที่จะหยุดร้องไห้ได้ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับลูกๆ นึกถึงลูกคนเล็กที่ยังคงต้องการคนป้อนอาหาร และลูกสาวคนโตที่คอยมองหาแม่ของเธอตลอดก่อนที่จะเข้านอน ฉันไม่สามารถหลับได้ลงเลย
ฉันรู้สึกหงุดหงิดและขุ่นเคืองใจมาก
ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่าฉันจะเป็นผู้ติดเชื้อ ช่วงเวลาที่อยู่กับลูกก็พุ่งเข้ามาในหัวของฉัน เวลาที่ป้อนนม, เวลาที่ฉันล้มตัวลงนอนลูกที่ข้างๆ เพื่อกล่อมให้พวกเขาหลับ, เวลาที่ฉันหอมและจูบลูก, เวลาที่เรามอบความรักให้กัน, หายใจ ช่วงเวลาเหล่านั้น พวกเขาอาจที่จะติดเชื้อไปได้ แค่นึกก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา
วันนั้นเป็นเหมือนกับฝันร้าย และช่วงเวลาก็ผ่านไปช้ามาก เมื่อเทียบกับความกลัวที่เกิดขึ้นเนื่องจากไวรัส ต้องอยู่ในห้องที่ถูกแยกออกจากครอบครัว และความกลัวที่ว่าคนอื่นอาจจะติดเชื้อจากฉันได้ เป็นอะไรที่ไม่สามารถรับมือได้ไหวจริงๆ
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อารมณ์และความรู้สึกของฉันก็เริ่มที่จะสงบมากขึ้น ขอบคุณเด็กๆและครอบครัวมาก รวมไปถึงข่าวที่ไม่มีใครติดเชื้อ ความมั่นคงในใจและอารมณ์ก็กลับมาอีกครั้ง
- แม้ว่าพวกเราจะติดเชื้อ แต่ก็ขอขอบคุณที่พวกเราไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆที่เลวร้าย แม้ว่าฉันและสามีจะมีผลเป็นบวก แต่ลูกๆที่ใกล้ชิดกับพวกเรากลับมีผลเป็นลบทั้ง 2 คน ขอบคุณมากๆ
- ขอบคุณความสามารถในการเป็นแม่ที่สามารถดูแลลูกได้ แม้ในยามฉุกเฉิน
- ขอบคุณที่มีห้องให้ฉันได้อยู่แยกจากผู้อื่น
- ขอบคุณสตาฟที่ศูนย์การแพทย์ ในตอนเช้าในขณะที่พวกเขายังคงนอนหลับ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ การตรวจสอบและยืนยันการติดเชื้อทำขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ขอบคุณที่คอยถามฉันตลอดว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม ในขณะที่เจ้าหน้าที่การแพทย์, หมอ, พยาบาล, ทีมผู้ดูแลในโรงพยาบาลและผู้ดูแลโภชนาการไม่สะดวก
- ขอบคุณเพื่อนๆที่พยายามส่งอาหารและหนังสือมาให้ฉัน (แแต่ฉันไม่สามารถที่จะรับของพวกนี้ได้ เมื่ออยู่ในห้องดูแลนี้)
- แม้ว่าฉันรักษาตัวอยู่ในขณะนี้ ฉันก็พยายามอย่างมากที่จะติดต่อกับศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งลูกของฉันเรียนอยู่ และแสดงความกังวลเนื่องจากกลายเป็นผู้ติดเชื้อ ขอบคุณแม่ๆทุกคนที่ให้กำลังใจอย่างอบอุ่น
- ขอบคุณทุกคนที่ฉันไม่รู้จัก แต่มอบกำลังใจให้กับผู้ที่ต้องแยกจากครอบครัวและเผชิญหน้าไวรัสนี้ของอย่างฉันผ่านโลกออนไลน์
- ขอบคุณ (ไวรัส) ที่ทำให้ฉันเข้าใจคุณค่าของครอบครัว พร้อมไปถึงคุณค่าของความสงบและชีวิตประจำวัน
ในทุกๆวันผู้คนมากกว่า 100 คนถูกพบว่าติดเชื้อ
หลังจากกลายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัส เราก็ฉุกคิดได้ว่า อาการนั้นไม่ได้แตกต่างกันจากไข้หวัดทั่วไป ยกเว้นในกรณีผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นเวลานาน ปกติแล้วทุกคนสามารถที่จะรักษาและฮีลลิ่งตัวเองได้เหมือนกับไข้หวัดธรรมดา ประหนึ่งว่าไม่ได้มีเชื้อมาก่อน
หากฉันไม่ได้ทำการตรวจ ก็คงไม่รู้เลยว่าติดเชื้อไวรัสนี้ เราสามารถที่จะหายได้เองไหมนะ?
ในตอนนี้ยังไม่มียารักษาสำหรับโรคไวรัสชนิดใหม่นี้ ดังนั้นในความเป็นจริงแล้ว จึงไม่มีการรักษาเลย ตลอดเวลา ภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณจะต่อสู้กับไวรัส นี่ถือว่าเป็นโรคปอดอักเสบประเภทใหม่ ที่มีพลังร้ายแรงที่ซ่อนอยู่จากการติดเชื้อ (ในกลุ่มผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง) พวกเราจึงต้องแยกตัวจากผู้อื่นในโรงพยาบาล ซึ่งเวลาจะทำให้ไวรัสในร่างกายของเราและสังคมหายไป
การแพร่ระบาดเกินขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ส่งผลทำให้ผู้คนรอบๆตัวมอบความอบอุ่นและกำลังใจให้แก่กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ทุกคนจดจำไปได้ตลอด
นึกถึงเหล่าพ่อแม่ที่อายุมากกว่าฉันดูซิคะ หรือแม้แต่คนข้างบ้านที่ร่างกายไม่แข็งแรง พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรหากติดเชื้อไวรัสนี้ รวมไปถึงทีมแพทย์และผู้ที่เดินทางไปยังแทกูเพื่อดูแลและช่วยเหลือทีมแพทย์ท้องถิ่นและทีมรถฉุกเฉินที่ไม่แม้แต่จะมีเวลานอนหลับ เนื่องจากต้องเตรียมพร้อมและตรวจหาเชื้อไวรัสอยู่ตลอด ครอบครัวก็ไม่ได้เจอ
ดูที่พวกเขาเหล่านั้น คุณจะต้องเข้มแข็งให้ได้มากขึ้น ฉันอยากที่จะเอาชนะไวรัสนี้ไปให้ได้ด้วยความรักที่อบอุ่น และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแชร์ความรักที่งดงามที่ฉันได้รับมานี้ให้กับทุกคน
ฉันหวังอย่างมากว่าจะไปพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและภูมิคุ้มกันกับมาแข็งแรงอีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ รวมไปถึงร้านค้าขนาดเล็กก็สามารถที่จะอยู่รอดได้หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
[ไม่ใช่ความเข้มแข็งที่อยู่รอด แต่ความอยู่รอดคือความเข้มแข็ง ] นี่คือสิ่งที่ Charles Darwin กล่าวไว้
พวกเราจะอยู่รอดในการแพร่ระบาดที่พบมากกว่า 7,000 คนติดเชื้อ ไม่ว่าจะแม่ผู้ใช้เวลาทั้งวันอยู่กับลูกเนื่องจากโรงเรียนเลื่อนเปิดเทอม ร้านค้าขนาดเล็กที่ต้องต่อสู้กับเศรษฐกิจ หรือฉัน เราทุกคนจะสามารถอยู่รอดไปด้วยกันได้ พร้อมกับแสดงให้ไวรัสได้เห็นพลังของพวกเรา
เชื่อมั่นในพลังในความรักของพวกเรา ศักยภาพในความสงบและความเพียร สู้ๆ แทกู คยองบุก สู้ๆ เกาหลีใต้!
บทความนี้เขียนและเป็นลิขสิทธิ์ของ brunch โปรดอย่าคัดลอกหรือผลิตซ้ำ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand