เกาหลีในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
เกาหลีไม่ได้เรียนรู้อะไรจาก MERS เลยหรือยังไงนะ? มีคนติดเชื้อแล้วมากกว่า 7,000 คน มันมาจากวัฒนธรรมการแชร์อาหารจริงรึเปล่า?
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
เกาหลีได้ได้รับการยืนยันให้เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2020 จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 5,000 คน ทำให้ทั้งโลกเริ่มวิตกกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้
หลายคนนึกย้อนไปถึงช่วงที่ MERS ระบาดในปี 2015 ของเกาหลีที่คร่าชีวิตไปกว่า 38 รายและต้องเข้าโรงพยาบาลอีก 186 ราย ทำให้อัตราการเสียชีวิตของเกาหลีพุ่งสูงถึง 19% ในช่วง 5 ปีให้หลัง เกาหลีมีการเผชิญหน้ากับการระบาดอย่างไรบ้าง? ได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงจากเดิมแล้วจริงหรือ? มาดูกันค่ะ
รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในเกาหลี
ตั้งแต่ที่สนามบินอินชอนเริ่มออกกฎจำกัดการเข้าประเทศตั้งแต่ 21 มกราคม จำนวนของผู้ติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง ผู้ติดเชื้อ 31 รายมีรายงานว่า ได้เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาของลัทธิชินชอนจี
แดกูและคยองบุก(ชื่อย่อของคยองบุกซันโด)มีผู้ติดเชื้อกว่า 90% ของผู้ติดเชื้อในเกาหลี
แทกู 75.4%, คยองบุก 14.9%
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกาหลีใต้มีมุมมองต่อลัทธิชินชอนจีที่ต่างออกไปจากเดิม ลัทธิที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 60% ของทั้งประเทศ นอกจากนี้ ประเด็นที่ว่า ประธานาธิบดีมุนแจอินไม่ได้จำกัดการเดินทางเข้าประเทศของคนจีนทั้งประเทศ ในขณะที่ 62 ประเทศทั่วโลกมีการจำกัดการเข้าประเทศแล้ว ทำให้เกิดข้อถกเถียง จนทำให้มีการลงชื่อในใบฎีกากว่า 1.45 ล้าน ชื่อเรียบร้อยแล้ว
ที่มา: Yonhap News
ขั้นตอนการป้องกันไวรัส COVID-19 ในเกาหลี
ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด คนเกาหลีซื้อแมสก์มากักตุนกันเต็มที่ ทำให้เกิดการขาดแคลนแมสก์จนทำให้ราคาพุ่งทะยานสูงขึ้น(เนื่องจากบางโรงงานกักตุนสินค้า) ในตอนแรกนั้น คนเกาหลียังไม่ค่อยสวมใส่แมสก์กันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ เกือบทุกคนใส่แมสก์กันในที่สาธารณะหมดแล้วค่ะ
นอกจากนี้ เมื่อตัวเลขของผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลก็ได้สั่งการให้ลัทธิชินชอนจีส่งมอบรายชื่อของผู้เข้าร่วมและสมาชิกเพื่อการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบในการแพร่เชื้อไวรัสข้างในลัทธิ ดังนั้น ผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อทุกคนในแดกูได้รับการทดสอบ COVID-19 กันทุกคนค่ะ
ถึงแม้ว่า มาตรการด้านบนนี้จะเกิดขึ้นแล้ว แต่ประชาชนก็ยังคงไม่พอใจกับการรับมือของรัฐบาลในเรื่องนี้อยู่ดี สาเหตุอยู่ด้านล่างนี้แล้วค่ะ
- ไม่มีการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของคนสัญชาติจีน
- ส่งแมสก์ 2 ล้านชิ้นไปช่วยเหลือจีนทั้ง ๆ ที่เกาหลีกำลังขาดแคลนแมสก์
- กฏใหม่เกี่ยวกับ COVID-19 ใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ความประมาทเลินเล่อของรัฐบาลและความล้มเหลวในการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พรรคการเมืองของประธานาธิบดีมุนกล่าวว่า ชาวต่างชาติทุกคนที่เคยไปมณฑลหูเป่ยในช่วง 14 วันที่ผ่านมา ห้ามเดินทางเข้าประเทศและทำการยกเลิกฟรีวีซ่าที่เกาะเชจู อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการห้ามคนสัญชาติจีนเข้าประเทศแต่อย่างใด
กฏใหม่ใช้เวลานานมากกว่าจะมีการกำหนดใช้ เช่น การแบนการส่งออกแมสก์และกฎเกี่ยวกับแมสก์เพิ่งออกเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ การที่แมสก์ขาดตลาดในเกาหลีและประชาชนในพื้นที่ติดเชื้ออย่างแดกู คยองบุกและปูซาน ต้องต่อแถวยาวเฟื้อยเพื่อซื้อแมสก์มีให้เห็นอยู่เต็มไปหมด คนเกาหลีดูเหมือนจะไม่มีวันลืมที่รัฐบาลส่งแมสก์กว่า 2 ล้านชิ้นไปให้จีนอีกด้วย
ท่ีมา: Naver Blog @ 또바기
ถึงแม้ว่า คนเกาหลีจะอยากถอนรากถอนโคนพวกลัทธิออกไปให้สิ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะขัดต่อกฎหมายด้านศาสนาและการเมือง
พรรคการเมืองของมุนประกาศว่า สถานการณ์ในเกาหลีตอนนี้อยู่ใน "ขั้นวิกฤติ" แล้ว คนดังของเกาหลีมากมายรวมใจการบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือและผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ก็ได้รับการช่วยเหลือ ในขณะที่คนแสนกว่าคนได้รับการตรวจเชื้อเรียบร้อยแล้ว ถึงกระนั้น มาตรการด้านบนนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนเกาหลีพอใจมากขึ้นมาเลย
ทำไมถึงมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก?
ในวันที่ 6 มีนาคม มีรายงานผู้ติดเชื้อจำนวนมากกว่า 6,000 คนในเกาหลีซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีนและทิ้งห่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแต่อย่างใด เทศบาลเมืองปูซานได้กล่าวไว้ว่า "ทำไมถึงมีคนติดเชื้อเยอะขนาดนี้? นั่นเป็นเพราะเราค้นพบได้รวดเร็วต่างหากล่ะ"
ที่มา: Busan Metropolitan Council
ในวันที่ 6 มีนาคม มีคนเกาหลีกว่า 160,000 คนได้รับการตรวจเชื้อไวรัสและมากกว่า 6,000 คนได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 เพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นได้ทำการตรวจเชื้อเพียงแค่ 1,890 คน ในขณะที่อเมริกาตรวจเชื้อไปไม่ถึง 400 คน ถ้าพูดถึงในแง่ของสถิติ โปสเตอร์ด้านบนจากนายกเทศมนตรีปูซานยังกล่าวอีกด้วยว่า "เกาหลีเป็นผู้ที่กล้าหาญที่สุดที่กล้าเผชิญหน้ากับ COVID-19 แบบไม่หลบเลี่ยงใด ๆ "
ดัชนีชี้วัดทางสุขภาพ Numbeo ได้ยกให้เกาหลีเป็นอันดับสองรองจากไต้หวัน
เกาหลีได้เผชิญหน้ากับการระบาตของไวรัสด้วยมาตรการการกักกันตัวเอง การตรวจสอบและการรายงานผลประจำวัน การเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อทำให้คนรู้สึกกลัวและระบบสุขภาพก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
เปรียบเทียบกับ MERS 2015
มีหลายคนเปรียบเทียบการระบาดของไวรัสในตอนนี้กับ MERS ในปี 2015 และคิดในใจว่า เกาหลีไม่ได้เรียนรู้วิธีการรับมือกับโรคระบาดเลยหรือไง
อย่างไรก็ตาม เกาหลีทำได้ดีมากในการตัดสินใจที่จะแจ้งตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างตรงไปตรงมา ฆ่าเชื้อในวงกว้างและตรวจสอบผู้ติดเชื้อ อีกทั้งยังมอบเงินสนับสนุนให้กับผู้ที่กักกันตัวเองและเจ้าของกิจการที่ได้รับผลกระทบ
คนเกาหลีส่วนใหญ่ใส่แมสก์และทำตามมาตรการการป้องกันการระบาดแล้ว ทำให้เราเห็นภาพการพัฒนาจากโรคระบาด MERS ของปี 2015
นอกจากนี้ การป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ประสบความสำเร็จอย่างมาก เช่น การตรวจสอบแบบไดรฟ์ทรูที่ทำให้คนที่มาตรวจไม่ต้องลงจากรถ ช่วยลดการติดเชื้อแบบเป็นวงกว้าง
การทานอาหารร่วมกันของคนเกาหลีทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมรึเปล่านะ?
สื่อต่างชาติได้กล่าวว่า การติดเชื้อขนานใหญ่ที่เกาหลีเกิดขึ้นเป็นเพราะวัฒนธรรมในการแชร์อาหารของคนเกาหลี ทำให้คนเกาหลีโกรธมาก ๆ
คนเกาหลีหลายคนกล่าวว่า "ปัญหาอยู่ที่ความเห็นแก่ตัวของลัทธิชินชอนจี ไม่ใช่เพราะการแบ่งปันอาหารกัน" การแบ่งปันอาหารมาจากคอนเซปของ อูรี ซึ่งแปลว่า พวกเรา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการแบ่งปันอาหารระหว่างครอบครัวและสังคม
ถึงแม้การแชร์อาหารของคนเกาหลีถูกมองว่า ไม่ถูกสุขลักษณะ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุหลักของการแพร่ระบาดไวรัส เป็นเพราะชินชอนจีมากกว่าที่ปิดบังข้อมูลสำคัญของ COVID-19 และแพร่เชื้อตามที่เห็น ประเทศเกาหลีได้สแกนผู้ป่วยอย่างละเอียด ไม่ว่าจะติดเชื้อระดับไหนก็ตาม ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับสองของโลกในปัจจุบัน
คิดอย่างไรกันบ้างคะ เกี่ยวกับการรับมือการระบาดของเชื้อไวรัสในเกาหลี? ตัวเลขดูยังสูงเหมือนเดิมมั้ยคะ? ถ้ามีคำถามหรือความเห็นอะไร สามารถคอมเมนท์ด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ