นุนชิ (눈치) ทักษะการเอาตัวรอดของคนเกาหลี 👀

นุนชิ (눈치) ทักษะการเอาตัวรอดในสังคมเกาหลีของคนในปัจจุบัน

Jaeeun Jo
3 years ago
นุนชิ (눈치) ทักษะการเอาตัวรอดของคนเกาหลี 👀

สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน


#วัฒนธรรมเกาหลี #คนเกาหลี

#สังคมเกาหลี #ชีวิตในเกาหลี


"눈치" (นุนชิ) คือทักษะการเอาชีวิตรอดในสังคมเกาหลีของคนเกาหลีในปัจจุบัน หากคุณมีสกิลการเอาตัวรอดนี้ก็จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเกาหลีได้ง่ายและสบายใจมากขึ้นค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับทักษะการเอาตัวรอดของคนเกาหลีที่เรียกว่า "눈치" (นุนชิ) จะเป็นยังไงนั้นไปดูพร้อมกันเลยค่ะ


🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี


นุนชิ (눈치) ทักษะการเอาตัวรอดของคนเกาหลี

눈치 (นุนชิ) คืออะไร?

คำที่ระบุว่า 눈치 พร้อมกับบุคคลในรายการโทรทัศน์ของเกาหลี


หากทำการค้นหาคำว่า "눈치" (นุนชิ) จากพจนานุกรมจะเจอความหมายว่า การเข้าใจจิตใจของผู้อื่นตามสถานการณ์นั้นได้ทัน" ซึ่งพออ่านแล้วหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร? แต่ไม่ต้องกังวลค่ะต่อไปเราจะอธิบายความหมายของคำนี้ตามสถานการณ์ต่างๆกัน


บุคคลที่กำลังใช้หูฟังพร้อมกับคำพูดในรายการโทรทัศน์ของเกาหลี


สำหรับคนเกาหลีใครที่มีทักษะ "눈치" (นุนชิ) จะถือเป็นทักษะพิเศษ เพราะจะทำให้สามารถเข้าใจและอ่านใจของฝ่ายตรงข้ามได้ค่ะ


หนังสือที่มีชื่อว่า THE POWER OF NUNCHI บนพื้นหลังสีส้ม

cr. amazon


แน่นอนว่าไม่ใช่เฉพาะในเกาหลีเท่านั้นการใช้ชีวิตในประเทศอื่นๆก็ถือเป็นทักษะที่สำคัญเหมือนกัน แต่การมี "눈치" (นุนชิ) ในเกาหลีถือเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะจะทำให้ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ค่ะ
ด้านบนเป็นหนังสือชื่อว่า "THE POWER OF NUNCHI" ซึ่งเขียนบรรยายเกี่ยวกับทักษะ "눈치" (นุนชิ) ของเกาหลีค่ะ


ทำไม "눈치" (นุนชิ) ถึงสำคัญ?

บุคคลในรายการโทรทัศน์ที่มีคำบรรยาย 한게임박


ทำไมคนเกาหลีถึงคิดว่าทักษะ "눈치" (นุนชิ) เป็นเรื่องสำคัญ? เพราะว่าคนเกาหลีเป็นคนประเภทนิสัยใจร้อนชอบทำอะไรเร็วๆ ดังนั้นการมีเซ้นต์ที่ปรับตามสถานการณ์ต่างๆจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ ยกตัวอย่างเช่นหากในที่ทำงานมีคนที่ไม่ค่อยมีเซ้นต์หรือเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่นก็อาจจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดใจได้ค่ะ


บุคคลในรายการโทรทัศน์เกาหลีกับคำพูด 어.. 저는 눈치 보는거


คนเกาหลีอ่อนไหวต่อความคิดและปฏิกิริยาของคนอื่นและไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนน่าหงุดหงิด ดังนั้นจึงพยายามทำตัวให้สมเหตุสมผลและคาดหวังให้คนอื่นทำแบบเดียวกันด้วยค่ะ


"눈치" (นุนชิ) กับสำนวนต่างๆในชีวิตประจำวัน

บุคคลในรายการโทรทัศน์ของเกาหลีกับคำบรรยาย (눈치)


สำหรับคนเกาหลี "눈치" (นุนชิ) ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของสังคมดังนั้นจะเห็นได้ทั้งจากรายการ ภาพยนตร์ ซีรีส์ต่างๆของเกาหลี แต่ก็ถือเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนต่างชาติที่จะเข้าใจ ดังนั้นวันนี้เราจะมาอธิบายให้ทุกคนฟังค่ะ


1) 눈치가 빠르다. > 눈치가 있다. > 눈치가 느리다. > 눈치가 없다.

นุนชิกา ปารือดา > นุนชิกา อิดตา > นุนชิกา นือรีดา > นุนชิกา ออบตา


บุคคลในรายการโทรทัศน์ของเกาหลีที่มีคำบรรยาย อา 눈치 없어


สำหรับคนเกาหลีคิดว่าการมีเซ้นต์ที่ดีจะทำให้สามารถตอบสนองกับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแก้ปัญหาได้ซึ่งคล้ายกับทักษะ "눈치" (นุนชิ) ค่ะ

สำหรับคนที่มีเซ้นต์ที่ดีเรียกว่า "눈치가 빠르다" คนที่มีเซ้นต์เรียกว่า "눈치가 있다" แต่ในทางตรงกันข้ามคนที่ตามสถานการณ์ไม่ทันจะถูกเรียกว่า "눈치가 느리다" แต่สำหรับคนที่ไม่มีเซ้นต์ใดๆเลยจะเรียกว่า "눈치가 없다" ค่ะ


2) 눈치를 보다. 눈치를 살피다. (นุนชิรึล โบดา, นุนชิรึล ซัลพีดา)

บุคคลในชุดสีทองพร้อมคำพูดในรายการโทรทัศน์ของเกาหลีว่าฉันก็มี 눈치


หมายถึงการมองหรือพิจารณาสถานการณ์รอบข้างในขณะนั้นและคิดเพื่อที่จะตอบสนองสถานการณ์ออกมาให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ที่แย่หรือสถานการณ์ที่เกิดจากความผิดของตัวเองคนที่มีทักษะ "눈치" (นุนชิ) ก็จะสามารถแก้ไขได้ดีและทันทีค่ะ


สองคนกำลังนอนด้วยกันในรายการโทรทัศน์ของเกาหลี


ในเรื่อง My Roommate Is a Gumiho ที่ฮเยริและกียงแสดงด้วยกัน ด้วยความที่เคมีเข้ากันมากๆจนคนดูจิ้น แต่ในความจริงฮเยริมีแฟนแล้ว ทำให้คนดูแอบกังวลว่าแฟนตัวจริงจะคิดยังไง ซึ่งก็เป็น "눈치" (นุนชิ) ที่ตลกมากๆค่ะ


กลุ่มคนยืนถามคำถามในรายการทีวีเกาหลี


ถึงแม้ทักษะ "눈치" (นุนชิ) จะช่วยทำให้สามารถเอาชีวิตรอดในสังคมเกาหลีได้แต่กรที่ใช้ "눈치" (นุนชิ) มากๆก็ทำให้รู้สึกเครียดเหมือนกันค่ะ ซึ่งคนแบบนี้ก็จะถูกเรียกว่า "눈치를 너무 많이 보는 사람"


3) 눈치를 챙기다. 눈치를 채다. (นุนชิรึล แชงกีดา, นุนชิรึล แชดา)

บุคคลสองคนในรายการทีวีเกาหลี ทางด้านซ้ายมีคำบรรยายว่า 바로 눈치


สำนวนนี้คล้ายกับ "눈치를 보다/살피다" แต่มีความหมายคือคนที่สามารถรู้ว่าควรจะทำตัวแบบไหนหรือมีปฏิกริยาอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ


4) 눈치껏 행동하다. (นุนชิแกช แฮงดงฮาดา)

บุคคลในชุดสูทพร้อมคำพูดในรายการโทรทัศน์ของเกาหลี


หมายความว่าการใช้ทักษะ "눈치" (นุนชิ) เพื่อให้ตอบสนองกับสถานการณ์อย่างถูกต้อง คล้ายกับความหมายของการมีเซ้นต์ที่ดี


5) 눈치 주다. / 눈치 챙겨! / 눈치가 없니? (นุนชิ จูดา/ นุนชิ แชงกยอ/ นุนชิกา ออบนิ?)

มาสคอตแพนกวินพูดว่า 눈치 챙겨 ในรายการโทรทัศน์


เป็นประโยคที่ใช้พูดกับคนที่อ่านสถานการณ์ไม่ออกหรือคนที่ไม่มีเซ้นต์ค่ะ เหมือนกับการบอกว่า "ให้ลองมองดีๆซิ" หรือ "ให้ลองใส่ใจรายละเอียด" อาจจะเป็นคำถามเชิงรำคาญใจนิดหน่อยว่า "너 왜 이렇게 눈치가 없니?" แปลว่าทำไมเป็นคนไม่มีเซ้นต์แบบนี้นะ?


สถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ทักษะ "눈치" (นุนชิ)

ด้านบนเราได้ยกตัวอย่างสำนวนเกี่ยวกับทักษะ "눈치" (นุนชิ) กันแล้วต่อไปเราจะมายกตัวอย่างสถานการณ์และวัฒนธรรมในเกาหลีเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจง่ายมากขึ้นค่ะ


1) ตอนที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

บุคคลสองคนในรถบัส หนึ่งคนกำลังจ่ายเงินด้วยบัตรโดยสาร


เวลาที่ต้องขึ้นรถเมล์หรือรถไฟใต้ดินที่เกาหลีจะต้องใช้บัตรเพื่อจ่ายเงิน สำหรับคนเกาหลีก่อนที่จะขึ้นรถก็มักจะเตรียมบัตรเอาไว้ก่อน แต่ถ้าสมมุติคนข้างหน้าไม่เตรียมบัตรออกมาก่อน ก็อาจจะโดนคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังมองแรงได้ค่ะ


ผู้คนรอขึ้นรถบัสที่ท่าโดยสารในเกาหลี


การรอรถเมล์ที่ป้ายในเกาหลีคนส่วนใหญ่จะมองหรือเล่นโทรศัพท์มือถือหากรถที่กำลังจะเข้ามาไม่ใช่สายที่ตัวเองต้องการขึ้น ดังนั้นคนขับรถก็จะสังเกตว่าหากคนที่ยืนรอจ้องมือถือเค้าก็จะไม่ได้จอดหรืออาจจะไม่ได้ชะลอเพื่อรับคนขึ้นค่ะ

นี่ถือเป็นทักษะ "눈치" (นุนชิ) พี่คนขับรถใช้สังเกตเพื่อจะได้ไม่ต้องชะลอรถในป้ายที่ไม่มีผู้โดยสารค่ะ


มือกดปุ่มหยุดรถบัสที่เขียนว่า STOP


หากสังเกตุดูดีดีจะเห็นว่าคนที่กำลังเตรียมลงป้ายถัดไปจะเริ่มเตรียมกระเป๋าและลุกขึ้นมา ซึ่งผู้โดยสารที่นั่งข้างๆจะใช้ทักษะ "눈치" (นุนชิ) เพื่อสังเกตว่าคนข้างๆกำลังจะลุกและก็จะเปิดทางให้คนด้านในออกง่ายมากขึ้น และคนที่รอที่นั่งอยู่ก็จากสังเกตเห็นและหาที่นั่งได้ค่ะ


2) สถานที่สาธารณะ บุคคลกำลังสแกน QR Code สำหรับเข้าอาคารในเกาหลี


ตอนนี้ที่เกาหลีการเข้าใช้สถานที่สาธารณะจำเป็นต้องสแกน QR Code ก่อน ดังนั้นคนเกาหลีทุกคนจะเตรียมเปิดโค้ดสำหรับใช้สแกนเอาไว้ล่วงหน้าค่ะ

ซึ่งในเกาหลีก็สามารถเปิดโค้ดผ่านแอปพลิเคชั่นได้หลากหลาย ดังนั้นจะเห็นภาพที่คนเกาหลีเปิดโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะเดินเข้าอาคารหรือสถานที่สาธารณะต่างๆเป็นภาพชินตาค่ะ


ปุ่มเปิดและปิดลิฟต์ในเกาหลี

cr. 세계일보


ปุ่มปิดลิฟต์ในเกาหลีจะมีสีจางกว่าปุ่มเปิดอย่างเห็นได้ชัด เรื่องเพราะว่าคนเกาหลีมีนิสัยใจร้อนชอบให้ลิฟต์ปิดเร็วๆคนก็เลยกดปุ่มปิดเยอะมากค่ะ

ยังงั้นคนที่ยืนอยู่ข้างปุ่ม control จะเป็นคนกดปุ่มปิดอย่างอัตโนมัติถ้าหากคุณยืนอยู่ข้างแผงคอนโทรล แต่ไม่กดปิดก็จะทำให้คนเกาหลีที่อยู่ด้านหลังรู้สึกรำคาญใจได้ค่ะ


3) การปฏิเสธอย่างสุภาพหญิงสาวยืนขณะที่พูดคุยกับผู้สูงอายุในรถบัส


คุณเกาหลีมักจะมีวิธีการปฏิเสธอย่างสุภาพ ตัวอย่างเช่นหากคุณลุกเพื่อสละที่นั่งให้กับผู้สูงอายุแต่ว่าผู้สูงอายุปฏิเสธ (ความจริงเป็นการปฏิเสธเพื่อมารยาท) และคุณก็กลับลงไปนั่งที่เดิมก็จะทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัดค่ะ

เพราะความจริงแล้วการปฎิเสธของผู้สูงอายุไม่ได้มีความหมายว่าไม่ต้องการที่นั่งแต่เป็นการแสดงออกอย่างสุภาพและขอบคุณที่สละที่นั่งค่ะ สำหรับคนที่มี "눈치" (นุนชิ) ก็จะลุกและให้ผู้สูงอายุมานั่งทันทีถือเป็นวัฒนธรรมที่คนต่างชาติและคนเกาหลีบางคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ


ภาพการ์ตูนแสดงคนใส่หน้ากากหลายคนยืนต่อแถว

cr. 국민일보


โดยเฉพาะให้ตอนนี้เนื่องจากมีสถานการณ์โควิดทำให้รัฐบาลขอความร่วมมือไม่ให้มีการรวมตัวกันดังนั้นแม่สามีก็มักจะบอกลูกสะใภ้ว่า "ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องมาที่บ้าน" แต่ในความเป็นจริงคุณแม่ก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เจอกับลูกชายและหลานๆค่ะ

แต่สุดท้ายลูกสะใภ้ก็จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างและก็จะต้องไปบ้านของแม่สามีเพื่อเยี่ยมอยู่ดีค่ะ


4) การต่อสู้และเกม "눈치" (นุนชิ)

กลุ่มคนในรายการเกมโชว์เกาหลีที่กำลังอยู่บนรถไฟ


การที่มีการรวมตัวกันหลายหลายคนจนทำให้เกิดสภาวะกดดันหรือเครียดตอนเรียกว่าการต่อสู้ด้วย "눈치" (นุนชิ) อย่างเช่นในรายการทีวีเกาหลีต่างๆจะมีการแข่งขันเกมที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสงครามประสาท ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของคนเกาหลีค่ะ


มุมมองของคนกำลังจะข้ามถนนในเกาหลี


การข้ามถนนในเกาหลีถือเป็นเรื่องที่คนข้างอันตรายโดยเฉพาะบนถนนที่ไม่มีทางม้าลายจำเป็นต้องใช้ทักษะ "눈치" (นุนชิ) อย่างมากค่ะ โดยจะต้องคอยสังเกตว่ารถจะจอดให้หรือไม่หรือว่าจะมีมอเตอร์ไซค์ขับมาหรือเปล่า

เหมือนกับการเล่นเกม "눈치" (นุนชิ) ขอบคุณขับรถ เพราะถ้าพลาดก็อาจจะเกิดอันตรายได้โดยเฉพาะคนขับรถในเกาหลีที่ใจร้อนและมักจะไม่ได้จอดรอเป็นเวลานานๆค่ะ


5) ชีวิตในมหาวิทยาลัย

อาหารเกาหลีที่มีไก่ทอดหลากหลายรสชาติบนจาน


ชีวิตในมหาวิทยาลัยเกาหลีอยู่คู่กับการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ดังนั้นการสั่งอาหารแต่ละครั้งจะต้องใช้เซ้นต์เลือกเมนูให้ดีค่ะ ตัวอย่างเช่นถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วยกัน 6 คนแต่สั่งไก่ทอดมา 3 ตัวกว่าจะทำให้เพื่อนโกรธเพราะกินไม่พอได้ค่ะ

นอกจากนั้นคนเกาหลียังชอบกินไก่ทอดเป็นชีวิตจิตใจดังนั้นคนที่เป็นคนสั่งเมนูไก่ทอดจะต้องเลือกรสชาติที่ทุกคนสามารถกินได้และอร่อยถูกใจทุกคนค่ะ


นักศึกษามหาวิทยาลัยสวมใส่เครื่องแบบกำลังยกมือตั้งคำถามในห้องเรียน


ในคลาสเรียนของคนเกาหลีหากมีคำถามส่วนใหญ่คนจะไม่ยกมือเพื่อถามในตอนนั้นเพราะจะเป็นการทำลายสมาธิการเรียนของคนอื่นๆค่ะ
ดังนั้นคนที่มีคำถามจะต้องใช้ทักษะ "눈치" (นุนชิ) เพื่อสังเกตนักเรียนคนอื่นๆโดยอาจจะถามในตอนที่คลาสเรียนจบแล้วหรือตอนเวลาพักหรืออาจจะตามครูไปที่ห้องพักเพื่อถามคำถามแทนค่ะ


6) ชีวิตในที่ทำงาน

การทำงานในบริษัทที่เกาหลีจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมากดังนั้นเซ้นต์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ลิ้นชักในร้านอาหารในเกาหลีที่เก็บช้อนและตะเกียบ

cr. 국민일보


ตามร้านอาหารส่วนใหญ่ในเกาหลีจะต้องเตรียมช้อน ตะเกียบขึ้นมาเอง ดังนั้นคนที่นั่งอยู่ข้างที่ใส่ช้อนและตะเกียบจะต้องเป็นผู้ที่นำออกมาจัดวางให้คนอื่นๆ จากนั้นคนที่อยู่ข้างขวดใส่น้ำจะต้องเป็นคนที่เทน้ำให้กับคนอื่นๆด้วยค่ะ


กลุ่มคนในร้านอาหารเกาหลีกำลังย่างเนื้อและดื่มโซจู


พนักงานในเกาหลีส่วนใหญ่มักจะไปกินอาหารที่ร้านเนื้อย่าง หากเป็นบริษัทที่ถือความอาวุโสเป็นหลัก ถือเป็นธรรมเนียมที่ผู้ที่อายุน้อยกว่าจะต้องทำหน้าที่ในการย่างเนื้อเพื่อให้ผู้ที่อาวุโสกว่าค่ะ

แล้วคนที่ไม่ได้ทำหน้าที่ย่างเนื้อจะต้องทำอะไร ? ก็สามารถช่วยคีบเนื้อใส่จานให้เพื่อนคนที่เป็นคนย่างเนื้อหรือจะใช้ตะเกียบช่วยพลิกเนื้อก็ได้ค่ะ


บุคคลในชุดสูทกำลังพูดในขณะที่มีคำบรรยายในรายการโทรทัศน์เกาหลี


นอกจากนั้นสถานการณ์ที่จะถูกมองแรงมากที่สุดก็คือตอนเวลาเลิกงาน โดยเฉพาะคนที่เลิกงานก่อนคนอื่นจะถูกมองแรงมากๆ ดังนั้นคนเกาหลีส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะนั่งอยู่ในที่ทำงานจนทุกๆคนลูกออกไปพร้อมกันค่ะ

แต่วัฒนธรรมนี้ก็ดูไม่ยุติธรรมเลยสำหรับคนที่มาทำงานก่อน ดังนั้นหลายบริษัทในเกาหลีจึงเปลี่ยนวิธีการเลิกงานโดยที่ไม่จำเป็นต้องแจ้งหัวหน้าว่าจะกลับบ้านแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาจากคนอื่นอื่นค่ะ !


7) ตอนที่ทำงานพิเศษ

พนักงานเสิร์ฟในชุดเครื่องแบบร้านกาแฟในเกาหลี


พนักงานพาร์ทไทม์มักจะได้รับความรู้สึกที่กดดันจากเจ้าของร้าน แม้ว่าพวกเขาจะถูกจ้างมาเพื่อทำหน้าที่อื่น เจ้าของร้านก็มักจะคาดหวังให้พวกเขาทำทุกอย่างทั้งทำความสะอาด เก็บกวาด ทิ้งขยะค่ะ

พนักงานที่มีไหวพริบที่ดีก็จะทำงานทุกอย่างโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของร้านมาออกคำสั่ง แต่ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมเหมือนกันเพราะการที่จะต้องทำงานทุกอย่างพนักงานพาร์ทไทม์จะต้องใช้เวลามากกว่าเวลาปกติค่ะ


การใช้วัฒนธรรม "눈치" (นุนชิ) มากเกินไป

รีวิวออนไลน์ของร้านอาหารเกาหลีที่มีภาพไก่ทอด


ล่าสุดมีการรีวิวไก่ทอดบนแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารเดลิเวอรี่ในเกาหลีโดยข้อความระบุว่า "ทางร้านไม่มีเซ้นต์เพราะปรุงไก่เผ็ดเกินไปทำให้ลูกของคนสั่งกินไม่ได้" ทั้งที่ในความจริงแล้วรสชาติของไก่นั้นก็ถูกระบุเอาไว้ตั้งแต่ต้นแต่เจ้าของรีวิวกลับโทษว่าร้านไม่มีเซ้นต์ในการปรุงค่ะ

การใช้ทักษะ "눈치" (นุนชิ) เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆอย่างเช่นในกรณีที่เรายกตัวอย่างการแสดงความคิดเห็นเดียวทำให้ร้านได้รับผลกระทบ และทำให้หลายฝ่ายได้รับความเครียดค่ะ



นี่ก็คือวัฒนธรรม "눈치" (นุนชิ) ของคนเกาหลี ทุกคนมีความคิดเห็นยังไงคอมเมนต์บอกกันด้วยนะคะ


🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี