logo
เขต

ตามรอยเด็กตึกดำ ที่คาเฟ่สุดอาร์ต Nudake Haus Dosan

ตามรอยเด็กตึกดำ ที่คาเฟ่ Nudake Haus Dosan คาเฟ่สุดยูนีคที่กำลังเป็นเทรนด์ในเกาหลี พร้อมขนมที่สวยแบบงานศิลปิน

피비 @creatrip
2 years ago

สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน


#ไอดอลเกาหลี #ตามรอยไอดล

#คาเฟ่ในเกาหลี #Nudake Haus Dosan #อัพกูจอง

#Treasure #iKON

 

ใครที่ได้ดูรายการ Treasure Map ep.51 จะต้องอยากไปตามรอยน้องๆกันที่ คาเฟ่ Nudake House Dosan กันอย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงได้ลองชิมขนมที่น้องๆทานกันอย่างน่าอร่อย แล้วยังได้ช้อปปิ้งเพลินๆกันอีกด้วย

และไม่เพียงแค่หนุ่มๆ Treasure ที่เคยมาที่นี่นะคะ เพราะพี่ร่วมค่ายอย่าง บ๊อบบี้และชานอู iKON ก็เคยมาเช่นกัน แฟนตึกดำพลาดไม่ได้เลยจริงๆค่ะ ร้านจะคูลและอาร์ตขนาดไหนตามไปดูกันเลย!  


  🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ตามรอยไอดอลเกาหลี


ตามรอย Treasure ที่คาเฟ่สุดอาร์ต Nudake Haus Dosan


ถ้าพูดถึงแบรนด์แว่นตา Gentel Monster คงไม่มีใครไม่รู้จัก! แต่ทราบกันมั้ยคะว่าแบรนด์นี้มีร้านคาเฟ่ด้วย? 

ซึ่งคาเฟ่นั้นก็คือ Nudake Haus Dosan ในย่านอัพกูจองนั่นเองค่ะ โดยร้านกำลังเป็นเทรนด์มาแรงในหมู่คนเกาหลีเลยล่ะ แถมหนุ่มๆ Treasure และ iKON ยังเคยเดินทางมาที่นี่อีกด้วย แฟนตึกดำพลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ



วิธีการเดินทางสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีอัพกูจองโรเดโอ (압구정로데오역) ทางออก 5 เดินประมาณ 10 นาทีค่ะ

เมื่อเข้ามาข้างในร้านก็ต้องประทับใจไปกับความอาร์ตของที่นี่ค่ะ สัมผัสได้ถึงความยูนีคทันทีเลย 




บริเวณงานอาร์ตที่จัดเป็นเหมือนกับสถานที่ก่อสร้างนี้ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เด่นของที่นี่เลยล่ะค่ะ ใครที่มาก็อย่าพลาดมาเช็คอินถ่ายรูปที่จุดนี้กันนะคะ

หนุ่มบ๊อบบี้ก็มาถ่ายพร้อมโพสท่าเท่ๆเช่นกันค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน....เราไม่สามารถเข้าไปด้านในเหมือนบ๊อบบี้ได้นะคะทุกคน~



ที่บริเวณชั้น 1 นี้ก็มีที่นั่งสำหรับคนที่มาคาเฟ่เช่นกันค่ะ



ตึกแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คาเฟ่นะคะ แต่ยังมีแว่นตาของแบรนด์ Gentle Monster และผลิตภัณฑ์ความงามจากแบรนด์ Tamburins อีกไลน์ผลิตภัณฑ์ของ Gentle Monster ให้ได้เดินชมและช้อปกันด้วยค่ะ

เรียกได้ว่ามาที่เดียวคุ้มมากๆ เพราะได้ทั้งช้อปและชิลไปในตัวเลยล่ะค่ะ แถมมีลิฟต์ด้วยนะคะ ใครที่ไม่อยากเดินก็สามารถใช้ลิฟต์ได้เช่นกันค่ะ เพราะตึกมีหลายชั้นมากๆ



ด้วยความที่เราดูรีวิวมาและทุกคนบอกว่าขนมของที่ร้าน sold out เร็วมาก เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจมากันตั้งแต่ร้านเปิดเลยล่ะค่ะ และก็ต้องตกใจเบาๆ เพราะว่าคนเยอะมากกกค่ะ

ซึ่งตอนที่ยืนต่อแถวอยู่ก็เห็นเดินถือกล่องแบบ take out กลับไปกันเยอะจริงๆค่ะ เข้าใจเลยล่ะค่ะว่าฮอตจริงอะไรจริง



หลังจากที่ต่อแถวซักพักก็ถึงตาพวกเราค่ะ พนักงานจะยื่นใบสำหรับสั่งเมนูขนมหวานมาให้พวกเราได้ออเดอร์กันก่อนค่ะ

สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าแต่ละเมนูหน้าตาเป็นยังไงก็สามารถเดินชมดูกันก่อนได้นะคะ โดยเราสามารถหยิบดินสอสำหรับเขียนได้จากบริเวณตามภาพด้านบนนี้ได้เลยค่ะ และใครที่อยากเก็บการ์ดสวยๆไปเป็นที่ระลึกก็สามารถหยิบได้ฟรีเช่นกันค่ะ



แน่นอนว่าเรามีเมนูในใจอยู่แล้วนั่นก็คือเมนูขายดีอันดับ 1 และเป็นเมนูที่น้องๆ Treasure ทานกันตอนถ่ายรายการ Treasure Map ep.51 นั่นเองค่ะ จำหน้าตากันได้มั้ยคะทุกคน~ แต่ขออุปส์ได้ก่อนนะคะว่าเป็นตัวไหน  



บอกได้คำเดียวว่าเดินดูขนมของที่ร้านแล้วรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังชมงานศิลปะกันอยู่เลยล่ะค่ะ เพราะไม่เพียงแค่ดูน่าทาน แต่ยังสวยมากๆๆ



อีกหนึ่งขนมที่เป็นเทรนด์มากมาซักพักหนึ่งของที่ร้านก็คือ มินิครัวซองต์ 4 ชิ้นนี้ค่ะ แต่ก็ sold out เร็วเช่นกัน ฉะนั้นมีโอกาสต้องลองนะคะ! แล้วต้องบอกก่อนด้วยค่ะว่าหลายๆเมนูที่ตั้งโชว์อยู่ยังไม่วางขายนะคะ ฉะนั้นอย่าลืมที่จะอ่านป้ายด้านหน้าก่อนด้วยล่ะ

เราเห็นขนมที่เป็นเหมือนน้ำแข็งและมีกล้วยอยู่ด้านในก็อดสงสัยไม่ได้ค่ะว่าจะรสชาติเป็นยังไง มีใครอยากรู้เหมือนเรามั้ยคะ?  



เลือกเมนูขนมหวานกันเสร็จเรียบร้อยก็สามารถเอาใบมายื่นให้กับพนักงานที่เคาท์เตอร์บริเวณนี้ได้เลยค่ะ และก็สามารถเลือกเมนูเครื่องดื่มได้จากไอแพดที่ด้านหน้านี้ด้วย

เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ แถมเมนูซิกเนเจอร์ที่เป็นตัวเด่นของร้านก็ยังมีรูปภาพให้ชม ทำให้ตัดสินใจสั่งได้ง่ายขึ้นเลยล่ะค่ะ



สั่งเสร็จแล้วก็ไปหาที่นั่งกันดีกว่าค่ะ~ ที่ร้านมีที่นั่งเยอะพอสมควรเลยค่ะ และไม่ได้มีเพียงแค่โต๊ะด้านใน เพราะด้านนอกก็สามารถนั่งรับลมชิลๆได้เช่นกันค่ะ



เห็นโต๊ะนี้แล้วคุ้นๆมั้ยนะคะทุกคน~



ใช่แล้วค่ะ....โต๊ะนี้คือโต๊ะที่หนุ่มๆ Treasure นั่งตอนถ่ายรายการ Treasure Map นั่นเองค่ะ Treasure Maker คนไหนที่มาร้านนี้ อย่าพลาดมานั่งที่โต๊ะนี้กันนะคะ

เมนใครนั่งตรงไหนก็สามารถดูได้ตามรูปและเลือกนั่งแบบฟินๆกันได้เลยค่ะ



รอไม่นานขนมและเครื่องดื่มที่เราสั่งก็มาแล้วค่ะ~ โดยเราสั่งเป็นขนมที่เป็นเอกลักษณ์และขายดีที่สุดของทางร้านอย่าง Peak มาค่ะ แต่เราสั่งเป็นแบบไซส์ small นะคะ ราคา 23,000 วอนค่ะ 

ส่วนเครื่องดื่มก็สั่งไป 3 อย่างด้วยกันซึ่งเป็นซิกเนเจอร์และเมนูที่ทางร้านแนะนำค่ะ ได้แก่ Dutch Black (7,000 วอน), Nu Traffle (9,000 วอน) และ Blooming Berry (6,500 วอน)



เริ่มที่เมนูแรกซึ่งเป็นขนมที่หนุ่มๆ Treasure ทานกันอย่าง Peak Small ดีกว่าค่ะ! ขอบอกว่าเป็นคนที่สวยมากๆแบบมากจริงๆค่ะ เหมือนเป็นงานศิลปะมากกว่าขนมอีกค่ะ ทำใจอยู่ซักพักนึงเลยกว่าจะตัดสินใจทำลายน้องได้5555555

ตัวขนมเป็นครัวซองต์นะคะ และด้านในคือซอสครีมชาเขียวค่ะ ตัวครัวซองต์มีความหอม, กรอบนอกนุ่มใน ทานกับตัวซอสชาเขียวเข้ากันได้เป็นอย่างดีค่ะ แต่สำหรับตัวครีม กลิ่นชาเขียวไม่ได้เข้มขนมากนักนะคะ สามารถทานได้เพลินๆแบบไม่ต้องกลัวครีมหมดด้วยค่ะ เพราะให้มาเยอะเลย แนะนำว่าทาน 3 คนกำลังดีค่ะ ทานเยอะแอบเลี่ยนได้ค่ะ

ps. เมนูนี้พนักงานแจ้งว่าหากทานไม่หมด ไม่สามารถห่อกลับได้นะคะ ฉะนั้นใครที่คิดว่าทานไม่หมดแน่ๆ แนะนำให้สั่งแบบกลับบ้านดีกว่าค่ะ



เครื่องดื่มแรกที่เราจะแนะนำก็คือ Nu Traffle ค่ะ เมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านเลย โดยเป็นกาแฟที่ด้านบนเป็นครีมทรัฟเฟิลค่ะ พร้อมวางท็อปมาด้วยน้องมินิครัวซองต์ 1 ชิ้น ซึ่งเราชิมครัวซองต์ก่อนอย่างแรกเลยและประทับใจมากๆๆ เพราะอร่อยมากจริงๆค่ะ เหมือนเอาครัวซองต์อันใหญ่มาอัดแน่นเป็นก้อนเล็ก เลิฟมากกค่ะ ทานกับครีมทรัฟเฟิลก็เข้ากันอย่างดีเลย

พนักงานแนะนำให้เราคนให้เข้ากันก่อนทานค่ะ พอคนและทานพร้อมกันกับกาแฟ กลิ่นทรัฟเฟิลแอบหายไปเพราะโดนกาแฟกลบค่ะ แต่รสชาติถือว่าดีเลยทีเดียว ซึ่งเมนูนี้ทิ้งไว้ซักพักตัวครีมกับชั้นกาแฟก็จะแยกกันอีก แนะนำให้คนให้เข้ากันอีกรอบก่อนค่อยทานนะคะ เพราะกาแฟขมมาก!!!ค่ะ



เมนูเครื่องดื่มที่ 2 ของเราก็คือ Dutch Black ค่ะ เมนูนี้เป็นการผสมผสานระหว่างกาแฟและงาดำที่เข้ากันอย่างลงตัวเลยล่ะค่ะ ซึ่งตัวกาแฟจะมาในรูปของน้ำแข็ง ทำให้เราสามารถดื่มด่ำไปกับรสชาติของงาดำลาเต้ที่มีกลิ่นกาแฟอ่อนๆได้ก่อน และหลังจากน้ำแข็งละลายก็ได้ดื่มกาแฟงาดำที่หอมและหวานกำลังพอดีค่ะ ใครที่มาอย่าพลาดสั่งกันนะคะ



สุดท้ายก็คือ Blooming Berry ค่ะ ถือว่าเป็นกาแฟที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสดชื่นและไม่ดื่มกาแฟมากๆค่ะ เพราะความเปรี้ยวหวานของเบอร์รี่มีความลงตัว ที่สำคัญยังช่วยตัดเลี่ยนขนมได้เป็นอย่างดีเลย



มาแล้วก็ต้องถ่ายรูปกันซักนิดใช่มั้ยคะ~ พี่เรานั่งที่เดียวกับจีฮุนด้วยแหละค่ะ  



ทานกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ขึ้นไปต่อที่ชั้น M ค่ะ ชั้นนี้เป็นบริเวณของเคาท์เตอร์จ่ายเงินค่ะ และสามารถชมงานศิลปะอีกมุมนึงของร้านได้ด้วย



ชานอู iKON ขึ้นมาถ่ายรูปที่ชั้นนี้เหมือนกันนะคะ ถึงเราจะเข้าไปแบบน้องไม่ได้ก็ขอถ่ายมุมตรงนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อยค่ะ    



ที่นี่มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เยอะมากเลยนะคะ ใครที่ชอบถ่ายรูปก็ต้องถูกใจกันอย่างแน่นอนค่ะ



แต่ละชั้นหน้าลิฟต์จะมีเจลแอลกอฮอล์ของแบรนด์ Tamburins วางอยู่ไว้ด้วย ได้ลองใช้แล้วหอมมากๆๆค่ะ 



ขึ้นมาต่อที่ชั้น 2 ก็จะเจอกับร้าน Gentle Monster ซึ่งชั้นนี้จะเป็นโซนของแว่นสายตาค่ะ และสาขานี้มีให้เลือกหลายรุ่นมากๆ แถมดีไซน์ก็คูลๆสุดไปเลยด้วยค่ะ



ในรายการ Chanwoo Sari บ๊อบบี้และชานอูก็ได้มาสนุกกับการลองและเลือกซื้อแว่นที่นี่เช่นกันค่ะ ใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดีก็สามารถเลือกตามหนุ่มๆ iKON กันได้นะคะ 

อย่างรุ่นที่ชานอูเลือกด้านบนนี้ เราไปลองมาแล้วดีงามมากจริงๆค่ะ



หรือใครที่เป็นเมนบ๊อบบี้ก็อย่าพลาดมาลองรุ่นที่บ๊อบบี้เลือกนี้ดูนะคะ



ขึ้นมาต่อที่ชั้น 3 ชั้นนี้จะเป็นโซนของแว่นกันแดดค่ะ ซึ่งเรามั่นใจว่าแว่นกันแดดของ Gentle Monster ถือว่าเป็นแว่นของแบรนด์ใน wishlist ของหลายคนแน่นอนเลย ใช่มั้ยคะ~



แว่นมีให้เลือกหลากหลาย เรียกได้ว่ามาครบทุกแบบทุกสไตล์เลยล่ะค่ะ แถมเลนส์ก็มีหลายสีมากๆ และแว่นถือเป็นอีกเครื่องประดับที่ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการแต่งตัวได้เป็นอย่างดีมากๆ เลือกดูซักอันเป็นของฝากสำหรับทริปเกาหลีก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ



เราเห็นจองอูใส่แว่นรุ่นนี้ออกมาแล้วดูดีมากๆ เลยมาลองบ้างค่ะ แต่ทำไมถึงใส่ออกมาแล้วไม่คูลเหมือนน้องก็ไม่รู้นะคะ เป็นเศร้าค่ะ5555555

ps. ของจริงสวยมากๆเลยนะคะ มาลองกันค่ะ~



หรือใครที่อยากลองใส่แบบเมมเบอร์คนอื่นๆก็ตามไปดูกันต่อในรายการ Treasure Map ได้เลย~



แล้วก็อย่าลืมที่จะถ่ายรูปตรงนี้แบบหนุ่มๆกันด้วยนะคะ!



ไปต่อที่ชั้นสุดท้ายกันเลย~ ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่ขายผลิตภัณฑ์ความงามจากแบรนด์ Tamburins ค่ะ ซึ่งเป็นอีกแบรนด์ที่เรียกได้ว่าคุณภาพดีเลยทีเดียว



สินค้าของแบรนด์ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดิฟฟิวเซอร์, ครีมทามือ, สบู่และอื่นๆค่ะ



อย่างหนุ่มชานอูก็ได้แนะนำสบู่กลิ่นเบอร์ 7 เอาไว้ด้วยในรายการ iKONIC อย่าพลาดไปตำกันนะคะ



ใครที่อยากได้ของฝากไปฝากครอบครัว, เพื่อนหรือคนรู้จัก ที่นี่ก็มีเซตของขวัญให้ได้ซื้อเช่นกันค่ะ สามารถมาเลือกดูกันได้เลย



ชั้นสุดท้ายนี้มีบริเวณที่เป็น Rooftop ด้วยนะคะ เป็นอีกมุมถ่ายรูปสำหรับคนที่มาที่นี่เลยล่ะค่ะ แถมถ่ายออกมาสวยมากๆ ดูวิวโซลเพลินๆก็เลิศเช่นกันนะคะ



และแน่นอนว่าที่ชั้นนี้ก็ยังไม่ทิ้งคอนเซปต์ความเป็นงานอาร์ต เป็นที่ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งสายคาเฟ่ฮอปปิ้ง, สายอาร์ต, สายช้อปและสายถ่ายรูปได้เป็นอย่างดีเลย ฉะนั้นมีแพลนมาโซลอย่าพลาดแวะมานะคะ


เมนู

เมนู
ราคา
Peak39,000 วอน
Peak Small23,000 วอน
Snow Mountain7,000 วอน
Mini Baguette + Butter9,000 วอน
Yang Pain4,000 วอน
Microissant (4 ชิ้น)2,500 วอน
Nu Traffle
9,000 วอน
Dutch Black
7,000 วอน
Blooming Berry
6,500 วอน
Milk Tea6,000 วอน


ข้อมูลร้าน

ที่อยู่: 서울 강남구 압구정로46길 50 하우스 도산 B1

เวลาเปิดบริการ: ทุกวัน 11:00 - 21:00 น. 

วิธีเดินทาง: สถานีอัพกูจองโรเดโอ (압구정로데오역) ทางออก 5 เดินประมาณ 10 นาที


สำหรับใครที่อยากช้อปปิ้งกันก่อนละก็ สามารถช้อปผ่านทางเว็บไซต์ของเราได้ง่ายๆ พร้อมรอรับสินค้าส่งตรงถึงบ้านกันได้เลย เป็นยังไงคะ สะดวกสุดๆ แถมได้ของราคาถูกคุณภาพดีไปใช้กันอีกด้วย~


สั่งซื้อสินค้า




เป็นยังไงกันบ้างคะกับคาเฟ่ Nudake House Dosan คาเฟ่สุดเก๋และมาแรงมากของเกาหลีตอนนี้! Treasure Maker ของ iKONIC ที่มีแพลนมาเที่ยวเกาหลีอย่าพลาดที่จะลิสต์เก็บกันเอาไว้นะคะ เพราะไม่เพียงแค่ขนมและเครื่องดื่มดีงามเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกที่สำหรับสายแฟชั่นเลยล่ะค่ะ แถมยังได้ช้อปทั้งสินค้าจาก Gentle Monster และแบรนด์ใหม่ Tamburins ด้วยค่ะ

อยากให้เราพาไปตามไอดอลคนไหนก็คอมเมนต์บอกกันมาได้เลยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ~


  🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี

ยอดเข้าชมมากที่สุด

ยอดเข้าชมมากที่สุด