ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน: การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจเกาหลี
เกาหลีฟื้นฟูเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตกลับมาได้อย่างไรหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามที่ยาวนาน?
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน
#เศรษฐกิจ #อุตสาหกรรม
วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน (한강의 기적)" กันค่ะ! การที่ประเทศเกาหลีสามารถเปลี่ยนจากประเทศยากจนที่ถูกทำลายล้างด้วยสงคราม จนกลายมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนาในระดับชั้นนำของโลกได้นั้น จะมีสาเหตุมาจากอะไรกันนะ?
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน (한강의 기적)
ต้นกำเนิด "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน"
"ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน (한강의 기적)" เลียนแบบมาจากวลี "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำไรน์" ซึ่งหมายถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเป็นการอ้างถึงการเจิญเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่มีปัจจัยจากการส่งออก ซึ่งประกอบไปด้วยการเจริญเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว, การพัฒนาด้านเทคโนโลยี, การตื่นตัวทางด้านการศึกษา, และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คณะรัฐมนตรีของเกาหลีในขณะนั้นใช้คำว่า "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน" เพื่อเน้นย้ำการฟื้นตัวอย่างน่าอัศจรรย์ของประเทศเกาหลีหลังสงคราม รวมถึงการที่เกาหลีกลายมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ หรือหนึ่งในสี่ "มังกร" ทางเศรษฐกิจของเอเชียในช่วงต้นทศวรรษ 1990 นั่นเอง
ระหว่างการยึดครองเกาหลีโดยประเทศญี่ปุ่น (1930-1940) เศรษฐกิจของเกาหลีก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นในปี 1945 เมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร คาบสมุทรเกาหลีจึงได้รับการปลดปล่อยและแบ่งออกเป็นสองภูมิภาคคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสหภาพโซเวียต และในขณะเดียวกันเกาหลีใต้ก็ถูกควบคุมโดยสหรัฐฯ
จากนั้นเมื่อเกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ (1950-1953) เศรษฐกิจของเกาหลีก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง เกาหลีใต้สูญเสียความมั่งคั่งของประเทศไปถึงหนึ่งในสี่เลยทีเดียว นอกจากนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ลดลงน้อยกว่าครึ่ง และเมืองหลวงอย่างโซลก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงด้วย
กรมสถิติกระทรวงมหาดไทย (행정안전부) ในขณะนั้นระบุว่า ความเสียหายที่เกิดจากสงครามอยู่ที่ 410,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้เศรษฐีในสมัยนั้นล้มละลายจนหมดสิ้น เป็นเหตุให้เกาหลีในทศวรรษที่ 1950-1960 กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก
ในปี 1961 นายพลพัคจองฮี ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ และด้วยความคิดที่อยากจะเปลี่ยนเกาหลีให้เป็นประเทศมหาอำนาจ เขาจึงเริ่มดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจของเกาหลีโดยเน้นการสร้างกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า "แชโบล (재벌)"
ต่อมาในเดือนมกราคม 1962 รัฐบาลเกาหลีได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงระยะ 5 ปีแรก (1962-1966) จากนั้นแผนอ้างอิงจากรัฐบาลของอีซึงมันก็ถูกร่างขึ้นในปี 1958 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญในการถือกำเนิด "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน"
ความสำเร็จของ "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน"
1. เศรษฐกิจ
ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีพัคจองฮี เกาหลีใต้ก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วด้วยนโยบายความเข้มงวดที่เขาใช้ เรียกได้ว่าเป็นการก้าวสู่การพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง รวมถึงมีการวางแผนสำหรับอนาคตและหาทางเลือกที่ก่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ
โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายต่าง ๆ ออกมาเพื่อเร่งการพัฒนาประเทศ และหนึ่งในนั้นก็คือ "แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี" เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรในชาติและเปลี่ยนประเทศเกาหลีให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม ด้วยแผนการนี้เองที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้มีแรงผลักดันสู่ความสำเร็จทางเศรษฐกิจมาจนถึงปัจจุบัน
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ประเทศเกาหลีได้พัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นด้านการส่งออกมาตั้งแต่ปี 1960
การส่งออกของเกาหลีเพิ่มขึ้นจาก 32.82 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 1960 เป็น 10 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 1977 และเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 60.49 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018
นอกจากนี้ในปี 1953 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลเพิ่งเริ่มก่อตั้ง รายได้เฉลี่ยต่อบุคคลอยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐ ต่อมาในปี 2018 รายได้เฉลี่ยต่อบุคคลก็เพิ่มขึ้นเป็น 31.349 เหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ในเดือนพฤศจิกายน 1997 วิกฤตการณ์ทางการเงินทำให้ประเทศเกาหลีต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จากนั้นเกาหลีก็จัดการกับธุรกิจที่ล้มละลายและดำเนินการปรับโครงสร้างใหม่
ในระหว่างกระบวนการนี้ ผู้คน 3.5 ล้านคนบริจาคทองคำสำรอง 227 ตันเพื่อช่วยรัฐบาลชำระเงินตราต่างประเทศที่ยืมมาจาก IMF และด้วยการร่วมมือกันของรัฐบาลและประชาชนก็ทำให้ประเทศเกาหลีสามารถเอาชนะความยากลำบากในตอนนั้นมาได้
ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 รายได้รวมจากองค์กรเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 5 องค์กรคิดเป็นเกือบ 66% ของ GNP (Gross National Product - มูลค่าเบื้องต้นของผลผลิตที่เกิดจากการใช้ปัจจัยการผลิตของชาติในรอบหนึ่งปี) โดย Samsung และ Hyundai ก็ได้ขยับขึ้นไปเป็นหนึ่งใน 50 องค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ต่อมา ณ สิ้นปี 2011 GDP ของเกาหลีก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป และในปัจจุบัน เกาหลีมีก็เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียและอันดับที่ 11 ของโลก นอกจากนี้ก็ยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการต่อเรือและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์อีกด้วย
2. วัฒนธรรม
เกาหลีได้เปลี่ยนวัฒนธรรมให้เป็น "อํานาจแบบอ่อน (Soft Power)" ที่กลายเป็นกระแสไปทั่วโลกได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้วัฒนธรรมต่าง ๆ กลายเป็นประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เช่น แผนการพัฒนาวัฒนธรรม, แผน10 ปีสำหรับการพัฒนาวัฒนธรรม, วิสัยทัศน์ทางวัฒนธรรม 2000 และกลยุทธ์ Cool Korea
ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของเกาหลี เช่น ภาพยนตร์, ซีรีส์, ดนตรี, ศิลปะ, K-POP ฯลฯ ก็ได้เจาะลึกเข้าไปในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแส "Hallyu Wave" ผ่านเพลงยอดนิยม (K-POP) และซีรีส์เกาหลีที่มีอิทธิพลอย่างมากก็ค่อย ๆ กลายเป็นกระแสความนิยมไปทั่วเอเชียเลยทีเดียว
ในปัจจุบันประเทศเกาหลีก็พยายามเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารควบคู่ไปกับกระแส Hallyu โดยอาหารยอดนิยมของเกาหลีที่รู้จักไปทั่วโลกก็คือ กิมจิ, คิมบับ, และต็อกบกกี เรียกได้ว่าเกาหลีเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศชั้นนำด้านการส่งออกทางวัฒนธรรมเลยทีเดียว
3. คุณภาพชีวิต
หลังจากเกาหลีได้ผ่านการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกถึง 2 ครั้งในปี 1986 และ 1988 รัฐบาลเกาหลีก็ได้ปรับปรุงกิจกรรมเพื่อแนะนำและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศสู่สายตาของทั่วโลก โดยการก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่และการเกิดขึ้นของศูนย์การประชุมต่าง ๆ ก็สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของกรุงโซลในฐานะมหานครระดับโลกได้เป็นอย่างดี
เริ่มแรก รัฐบาลจัดทำโครงการกำจัดน้ำเสียในแม่น้ำฮัน โดยริมฝั่งแม่น้ำที่เคยเป็นดินธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยบล็อกคอนกรีตทั้งหมด รวมถึงการวางท่อระบายน้ำไว้ตามสองฝั่งแม่น้ำเพื่อกรองมลพิษที่เป็นอันตรายด้วย
นอกจากนี้ก็มีการสร้างทางหลวงเลียบแม่น้ำเพื่อเชื่อมต่อสนามบินกิมโปกับใจกลางเมืองและสนามกีฬาโอลิมปิก รวมถึงการขยายเส้นทางรถไฟใต้ดินสาย 2, 3, และ 4 จนก่อเป็นเส้นทางการเดินทางไปทั่วกรุงโซลเลยทีเดียว
ในช่วงทศวรรษ 1980 รัฐบาลได้ส่งเสริมโครงการพัฒนาเมืองใหม่ และเปลี่ยนโฉมหน้าของโซลไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตขึ้น รัฐบาลก็ได้เปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในพื้นที่มก-ดง, โกดก-ดง, แคโพ-ดง, และซังกเย-ดง
ในปี 1989 รัฐบาลเกาหลีได้ทำการพัฒนาเมืองใหญ่ ๆ อีก 5 แห่ง ได้แก่ อิลซาน, บุนดัง, ซานบอน, พยองชอน, และจุงดง เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยในกรุงโซล ทำให้โซลไม่ได้เป็นเพียงเมืองหลวงอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของการขยายตัวของเมืองที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคนนั่นเอง
รัฐบาลได้กำหนดนโยบายปรับใช้เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของเมือง โดยได้มีการวางแผนและปฏิรูปชุมชนมากมาย รวมถึงการสร้างคอนโดมิเนียมและตึกสูง นอกจากนี้สะพานขนาดใหญ่ก็ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ทางใต้และทางเหนือของกรุงโซลเข้าด้วยกันด้วย
และนี่ก็คือสรุปเกี่ยวกับภูมิหลังและความสำเร็จที่เรียกว่า "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกาหลีพัฒนาขึ้นอย่างแข็งแกร่งดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และด้วยความภาคภูมิใจของคนในชาติ, ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้คน, และผู้นำที่มีความสามารถก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั่นเอง!
เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวของ "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน (한강의 기적)"? พอรู้ว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจเกาหลีเกิดขึ้นเพราะอะไรแล้วก็น่าทึ่งสุด ๆ ไปเลยใช่มั้ยละคะ? คราวหน้าเราจะนำเรื่องน่าสนใจของเกาหลีเรื่องไหนมานำเสนออีก ก็อย่าลืมรอติดตามกันด้วยนะคะ!
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี