logo

คำติดปากยอดฮิตของคนเกาหลี 👄

คนเกาหลีมีคำติดปากอะไรที่เราเคยได้ยินกันบ่อย ๆ บ้างมั้ยนะ?

Jihyun Lee
2 years ago

คำติดปากยอดฮิตของคนเกาหลี

สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน


#คำติดปาก #เทรนด์เกาหลี

#เรียนเกาหลี #ภาษาเกาหลี

 

วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปรู้จักกับคำติดปากยอดฮิตของคนเกาหลีกันค่ะ ทุกคนเคยสังเกตมั้ยคะว่าคนเกาหลีก็มีคำติดปากที่ใช้พูดเวลาคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน!? มาดูกันดีกว่าว่าคำเหล่านั้นคือคำว่าอะไรบ้าง และทุกคนจะเคยได้ยินมาก่อนบ้างมั้ยนะ?   

 

  

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี


คำติดปากของคนเกาหลี

คำติดปากยอดฮิตของคนเกาหลี 1


คำเชื่อมประโยค (Discourse Markers) ก็คือคำศัพท์หรือวลีที่เอาไว้ใช้เชื่อมประโยคนั่นเองค่ะ มีหน้าที่ทำให้ประโยคเชื่อมกันหรือโยงความหมายเข้าหากัน เพื่อให้ข้อความไหลลื่นและต่อเนื่อง จะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการอ่านค่ะ

ส่วนคำติดปาก (Filler Words) ก็คือคำที่แทบจะไม่ได้มีความหมายอะไร แต่เอาไว้พูดเวลาที่เรานึกคำไม่ออกหรือไม่อยากให้บทสนทนาเราเงียบไปเฉย ๆ นั่นเองค่ะ เช่น แบบว่า, เอ่อ, คือ



ใช้เริ่มประโยค (문장 시작)

1. 진짜 (จริง ๆ)

진짜 (จริง ๆ)


เมื่อใช้เป็นคำนาม คำว่า "진짜 (จริง)" จะหมายถึง "ความจริง" และเมื่อใช้เป็นคำวิเศษณ์ คำนี้จะมีความหมายว่า "จริง ๆ" โดยจะขยายไปที่คำคุณศัพท์หรือคำวิเศษณ์นั้น ๆ ค่ะ

อย่างไรก็ตามในการใช้เป็นคำติดปากส่วนใหญ่ก็จะเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกเท่านั้น และไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษค่ะ เหมือนจะเอาไว้เน้นว่าที่พูดเนี่ยจริงจังสุด ๆ เลยนะ! ประมาณนี้มากกว่าค่ะ

ตัวอย่าง

  • A: 진짜 숙제 너무 많이 주시는 거 아니에요? (จริง ๆ นะ นี่ให้การบ้านมากไปรึเปล่าเนี่ย?)
  • B: 진짜 자꾸 그럴래? (ทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?)


2. 근데 (แต่)

근데 (แต่)


근데 เป็นคำย่อของ "그런데" ซึ่งจะมีความหมายว่า "แต่" นั่นเองค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วคนเกาหลีจะใช้ 근데 ในเวลาที่ต้องการจะจบบทสนทนาให้หัวข้อนี้และขึ้นบทสนทนาในหัวข้อถัดไปค่ะ คล้าย ๆ กับ "by the way" ในภาษาอังกฤษเลยค่ะ!

ตัวอย่าง

  • (회의 중에 계속 다른 이야기를 하는 상황) 근데 우리 오늘까지 기획 회의 끝내기로 하지 않았나요? (กำลังเถียงกันระหว่างการประชุม) แต่เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะยุติการประชุมวางแผนภายในวันนี้ใช่มั้ย?


3. 아니 (ไม่)


아니 (ไม่)


ถ้าแปลคำว่า 아니 ตรงตัวจะแปลว่า "ไม่" ค่ะ แต่เมื่อนำมาใช้ในบริบทของการเป็นคำติดปากแล้ว ก็จะเป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ของผู้พูดว่ากำลังโกรธ, ไม่พอใจ, หรือไม่อยากจะเชื่อนั่นเองค่ะ

อย่างเช่น RM ทวิตว่า "아니 2월 끝난거 실화? (ไม่จริงใช่มั้ย เดือนกุมภาพันธ์จะจบลงแล้วเหรอ?)" ก็แสดงให้เห็นว่า RM กำลังไม่พอใจหรือไม่อยากจะเชื่อว่าเดือนกุมภาพันธ์กำลังจะหมดลงแล้วนั่นเองค่ะ


ความหมาย 아니 (ไม่)


โดยคนเกาหลีจะนิยมใช้ "initiating" หรือ "아니시에이팅 (아니+tiating)" ซึ่งก็คือการนำ 아니 มาไว้ข้างหน้าคำหรือประโยคที่ต้องการแสดงออกถึงความไม่พอใจหรือการปฏิเสธค่ะ

ตัวอย่าง

  • 아니 너 지금 뭐하는거야? (ไม่สิ ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?)
  • 아니 내가 케이크 내거니까 먹지 말라고 했잖아. (ไม่นะ ก็บอกแล้วไงว่าอย่ากินเค้กของฉัน!)
  • 아니 한국인들은 왜 아니 없으면 말을 못해? (ไม่สิ ทำไมคนเกาหลีถึงพูดโดยไม่มีคำว่า 아니 ไม่ได้ล่ะ?)


4. 시X (คำสบถ)

시X (คำสบถ)


"시X" เป็นคำสบถที่คนเกาหลีใช้กันอย่างแพร่หลาย และในขณะเดียวกันก็เป็นคำที่ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะมีความหยาบคายอยู่นั่นเองค่ะ

เมื่อใช้ "시X" ขึ้นต้นประโยค ความรู้สึกของประโยคนั้นจะรุงแรงขึ้นอีกระดับเลยล่ะค่ะ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นความหมายในแง่ลบ ทั้งแสดงออกถึงการไม่พอใจ, โกรธ, หรืออาจจะถึงขั้นด่าใครซักคนเลยล่ะค่ะ

ตัวอย่าง

  • 시X 이게 지금 말이 되는 상황이야? (ชีX นี่มันสมเหตุสมผลเหรอ?)


คำสบถภาษาเกาหลี 시X (คำสบถ)


และแน่นอนว่าถ้านำติดปากต่าง ๆ มารวมกัน ก็จะทำให้ความหมายและอารมณ์ของประโยคนั้น ๆ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียวค่ะ


  1. 시X 아니 : แสดงออกว่าโกรธมาก ๆ และต้องการชี้ให้คนอื่นเห็นถึงสาเหตุที่เราโกรธ
  2. 아니 근데 : แสดงออกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นเรื่องไร้สาระ และเราไม่ต้องการจะฟังอีกต่อไป
  3. 근데 진짜 : เป็นการพูดอย่างระมัดระวัง ใช้ดึงดูดใจว่าสิ่งที่เราพูดนั้นถูกต้อง
  4. 진짜 시X : ใช้พูดเวลาที่ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยิ่งไม่พอใจมาก ๆ
  5. 아니 근데 진짜 시X : อารมณ์ทั้งหมดอัดมาเป็นคอมโบอย่างเต็มรูปแบบ



แปลกดีใช้มั้ยล่ะคะที่เราสามารถใช้ 아니, 근데, 진짜, 시X ได้พร้อมกัน แถมยังสามารถสลับตำแหน่งของคำได้ด้วยนะคะ แน่นอนว่าอารมณ์ของประโยคก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราวางคำค่ะ และไม่เพียงแต่ประโยคด้านลบนะคะ แต่ประโยคด้านบวกก็ใช้คำเหล่านี้ได้เช่นกันค่ะ

ตัวอย่าง

  • 아니 근데, BTS 지민 너무 귀엽지 않아? (ไม่สิ แต่จีมิน BTS น่ารักมาก ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?)


5. 있잖아 / 있잖아요 (รู้ใช่มั้ย?)

있잖아 / 있잖아요 (รู้ใช่มั้ย?)

ที่มา: 유튜브 JTBC ENTERTAINMENT


จริง ๆ แล้ว 있다 แปลว่า "มี" ค่ะ อย่างไรก็ตามหากวาง 있잖아 / 있잖아요 ไว้เป็นคำแรกในประโยค ก็จะไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษและใช้เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ฟังเท่านั้นค่ะ โดยจะแปลได้ว่า "รู้ใช่มั้ย?", "รู้มั้ยว่า...?"

คนเกาหลีจะนิยมใช้บ่อยมาก ๆ เมื่อต้องการเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาและจะย้ำถึงสิ่งที่ต้องการแจ้งให้อีกฝ่ายทราบนั่นเองค่ะ เรียกง่าย ๆ ก็คือเป็นคำเกริ่นเวลาจะเมาส์นั่นเอง

ตัวอย่าง

  • 있잖아, 나 어제 BLACKPINK 콘서트 다녀왔어! (รู้ใช่มั้ยว่าฉันไปคอนเสิร์ต BLACKPINK มาเมื่อวานนี้!)
  • 있잖아, 나 너한테 할 말 있어. (รู้ใช่มั้ยว่าฉันมีบางอย่างจะพูดด้วย?)



ใช้ระหว่างประโยค (문장 중간)

1. 어... (เอ่อ...)

어... (เอ่อ...)


คำว่า "어... (เอ่อ...)" สามารถแทรกที่ใดก็ได้ไม่ว่าจะในตอนต้นหรือตอนกลางของประโยคค่ะ คนเกาหลีจะใช้ "어... (เอ่อ...)" เมื่อเรานึกคำไม่ออกขณะพูดหรือเมื่อต้องการจัดระเบียบความคิดขณะพูดนั่นเองค่ะ

ข้อควรระวังของการใช้ "어... (เอ่อ...)" ก็คือ เราต้องยืดส่วนท้ายของคำให้ยาวขึ้นด้วยนะคะ หากเราพูดสั้น ๆ ว่า "เอ่อ" ก็อาจจะดูเหมือนกำลังตอบว่า "ใช่" หรือกำลังรู้สึกประหลาดใจแทนค่ะ

ตัวอย่าง

 A: 너 ITZY 알아? (รู้จัก ITZY มั้ย?)

 B: 응! 나는 ITZY 노래 중에, 어... 'WANNA BE'가 제일 좋더라! (อื้อ! ฉันชอบเพลงของ ITZY เอ่อ... เพลง 'WANNA BE' ที่สุดเลย!)


2. 그... (คือ...)

그... (คือ...)


"그... (คือ...)" ก็คล้ายกับ "어... (เอ่อ...)" ที่เราแนะนำไว้ข้างต้นค่ะ! จะใช้เมื่อเรานึกคำไม่ออกขณะพูดหรือเมื่อต้องการจัดระเบียบความคิดขณะพูด โดยเราจะสามารถถ่วงเวลาด้วยการพูดว่า "그... (คือ...)" ได้ค่ะ

อย่างไรก็ตามคำว่า "그... (คือ...)" ไม่เหมือนกับ "어... (เอ่อ...)" ตรงที่เราสามารถใช้งาน 그 ได้หลายวิธีเลยล่ะค่ะ ถ้าเราลากเสียงยาว ๆ ก็จะสื่อว่าเรากำลังคิดอยู่ หรือถ้าเราเน้นเสียงให้สั้น ๆ ก็จะสื่อว่าเรากำลังเร่งรีบหรือคิดคำไม่ออกแต่รีบสุด ๆ แล้วก็ได้นะคะ



เมื่อลองค้นหาโดยพิมพ์คำว่า 그 ลงไป ก็จะเจอว่ามีคนเข้ามาพิมพ์ว่า 그 แต่ลืมไปว่าตัวเองจะค้นหาอะไร จนไปจบที่การค้นหา "그그그그", "그그그그뭐더라 (그그그그อะไรนะ)", "그그뭐지그거 (그그คืออะไรล่ะเนี่ย)" แทนค่ะ

ตัวอย่าง

  • A: 점심에 뭐 먹었어? (อาหารกลางวันจะกินอะไรดี?)
  • B: 나 그...뭐더라? 까만 소스에 비벼 먹는 면요린데...그그그그... (กิน... คือ...มันคืออะไรนะ? ที่เป็นบะหมี่ราดซอสสีดำ ๆ 그그그그...)
  • A: 짜장면? (จาจังมยอนเหรอ?)
  • B: 그래! 짜장면! (ใช่แล้ว! จาจังมยอน!)


3. 막 (เป็นคำติดปากที่ไม่มีความหมาย)

막 (เป็นคำติดปากที่ไม่มีความหมาย)

ที่มา: 네이버 웹툰 외모지상주의


คำว่า "막" เป็นคำย่อของคำวิเศษณ์ "마구" และมีความหมายว่า "มากเกินไป" หรือ "อย่างไม่ตั้งใจ" ค่ะ

อย่างไรก็ตามเมื่อใช้คำนี้เป็นคำติดปากก็ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษค่ะ ไม่ว่าจะใส่ลงไปตรงไหนก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงความหมายของประโยค แม้ว่าจะนำคำว่า "막" ออกไปแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนค่ะ หรือถ้าให้เปรียบกับคำติดปากภาษาอังกฤษ ก็คล้าย ๆ กับคำว่า "like" นั่นเองค่ะ   

ตัวอย่าง

  • 너 설마 밤 새고 왔다거나 그런 건 아니지? (แน่ใจนะว่าไม่ได้โต้รุ่ง? ไม่ใช่หรอกใช่มั้ย?)
  • 어제 친구랑 집에 가는데, 갑자기 비가 오더라구. (เมื่อวานตอนที่กำลังกลับบ้านกับเพื่อน จู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาเฉยเลย)




เป็นยังไงกันบ้างคะกับคำติดปากยอดฮิตของคนเกาหลี? มีคำไหนที่ทุกคนเคยได้ยินบ่อย ๆ จากในซีรีส์มั้ยคะ? รับรองว่าถ้าทุกคนฝึกใช้คำติดปากเหล่านี้จนคล่องแล้วล่ะก็ จะต้องพูดเหมือนกับคนเกาหลีจริง ๆ อย่างแน่นอนค่ะ!   


🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี


ยอดเข้าชมมากที่สุด