ดาบัง (다방): คาเฟ่ต้นตำรับของเกาหลี
มาทำความรู้จักกับ "ดาบัง (다방)" คาเฟ่แบบดั้งเดิมของเกาหลีที่เปิดมานานถึง 65 ปี
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#다방 #คาเฟ่ดั้งเดิม
#คาเฟ่เกาหลี #เที่ยวเกาหลี
วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ "ดาบัง (다방)" คาเฟ่แบบดั้งเดิมของเกาหลีที่เปิดมานานถึง 65 ปีกันค่ะ! ทุกคนเคยได้ยินเกี่ยวกับ Starbucks สาขาพิเศษในเกาหลีอย่าง Starbucks สาขาบยอลดาบัง มั้ยคะ? ซึ่งชื่อ "บยอลดาบัง" ก็เป็นการรวมกันของคำว่า "บยอล (별)" ซึ่งหมายถึงดวงดาว และคำว่า "ดาบัง (다방)" ซึ่งหมายถึงร้านกาแฟและโรงน้ำชาแบบดั้งเดิมของเกาหลีนั่นเองค่ะ!
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
ดาบัง (다방): คาเฟ่ต้นตำรับของเกาหลี
จุดเริ่มต้นของ "ดาบัง (다방)"
"ดาบัง (다방)" คือการรวมกันของอักษรจีนที่แปลว่า "ชา (茶)" และคำศัพท์ภาษาเกาหลี "บัง" (방) ซึ่งแปลว่า "ห้อง" ค่ะ พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับขายชาเท่านั้น แต่ยังขายกาแฟและเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ อีกด้วยนั่นเองค่ะ
ก่อนที่ร้านกาแฟสไตล์ตะวันตกที่ขายกาแฟแบบในปัจจุบันจะเข้ามามีอิทธิพลและกระจายไปทั่วเกาหลี "ดาบัง" ก็เป็นสถานที่สำหรับดื่มชาและกาแฟที่โด่งดังมาก่อนค่ะ
Source: The Hankyoreh
ว่ากันว่าเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1920 ร้านกาแฟแบบดั้งเดิมหรือ "ดาบัง" ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในเกาหลีค่ะ ซึ่งเป็นช่วงที่เกาหลีตกอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ
ในเวลานั้นมีร้านกาแฟมากมายที่กระจุกตัวอยู่บนถนนในย่านเมียงดงและจงโน และในช่วงกลางทศวรรษ 1950 ก็มีร้านกาแฟมากกว่า 50 ร้านในย่านเมียงดงเลยทีเดียวค่ะ
ว่ากันว่าศิลปินเกาหลีในช่วงนั้นมารวมตัวกันที่ดาบังเพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับงานศิลปะด้วยนะคะ ด้วยเหตุนี้จึงมีวรรณกรรมเกาหลีจำนวนมากที่ถูกเขียนขึ้นโดยมีเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในดาบังค่ะ
รวมถึงมีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมมากมายที่ดาบังเช่นกันค่ะ เช่น การเฉลิมฉลองต่าง ๆ, การอ่านบทกวีและการชื่นชมดนตรี นอกจากนี้ก็ยังสามารถพูดได้ว่าในช่วงปี 1920 ถึง 1950 ดาบังยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศิลปะเกาหลีด้วยนะคะ
จุดพีคของ "ดาบัง (다방)"
Source: Kyunghyang Shinmun
ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ถึง 1980 วัฒนธรรมของดาบังเป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้ชายและผู้หญิงทุกวัยเลยล่ะค่ะ ในช่วงเวลานี้ไม่เพียงแต่ศิลปินระดับหัวกะทิที่มักจะมารวมตัวกันที่ดาบังเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัยด้วยนะคะ
เรียกได้ว่าดาบังผ่านการเปลี่ยนแปลงจากการเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศิลปะชั้นยอด ไปสู่การเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนทุกรุ่นและทุกเพศเลยทีเดียวค่ะ
Source: Wellbeing News
ในสมัยก่อนคนส่วนใหญ่เลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังดาบัง เนื่องจากไม่ค่อยมีสถานที่อื่น ๆ ให้ได้ใช้เวลานอกบ้านเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นดาบังจึงกลายเป็นสถานที่สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับศิลปะ, การประชุม, และสถานที่นัดบอดสำหรับนักศึกษา รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับวัยกลางคนเช่นเดียวกันค่ะ
ในเกาหลียังมีเพลงดังที่ชื่อว่า "Love In The Milky Way Cafe" (사랑은 은하수 다방에서) ซึ่งมีเนื้อเพลงหวาน ๆ ว่า "Love พบกันที่ประตูเมือง ไปดาบังเพื่อดื่มชาและกาแฟ พร้อมกับฟังเพลงเดียวกันทุก ๆ วัน"
Source: ebs culture YouTube
และเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ คนส่วนใหญ่จึงใช้ดาบังเป็นสถานที่นัดหมายในการเจอกันค่ะ เป็นเหตุให้ดาบังเต็มไปด้วยผู้คนในทุก ๆ วันนั่นเอง
Source: Kookje Daily News
จริง ๆ ดาบังก็ค่อนข้างคล้ายกับร้านกาแฟที่มีอยู่ในปัจจุบันนะคะ แต่อาจจะออกไปในทางพื้นที่ทางวัฒนธรรมมากกว่านิดหน่อยค่ะ
Source: pet paper
ในช่วงเวลานั้นมี "มิวสิคดาบัง" ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนสามารถมานั่งฟังเพลงฮิตได้ด้วยนะคะ
ในปัจจุบันเราสามารถฟังเพลงบนโทรศัพท์ได้อย่างสะดวกสบาย แต่ในเวลานั้นการจะฟังเพลงได้ก็ต้องมีเครื่องเล่นแผ่นเสียง ดังนั้น "มิวสิคดาบัง" เลยกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมที่คนมักจะไปนั่งฟังเพลงกันนั่นเองค่ะ
Source: Kyunghyang Shinmun
แน่นอนว่ามีดีเจอยู่ที่ "มิวสิคดาบัง" ด้วยนะคะ! เห็นได้ชัดเลยว่าในช่วงเวลานั้นดีเจได้รับความนิยมเทียบเท่ากับไอดอลในปัจจุบันเลยทีเดียวค่ะ
เมนูของ "ดาบัง (다방)"
เมนูของคาเฟ่เก่าแก่อย่าง "ดาบัง (다방)" มีให้เลือกทานกันค่อนข้างหลากหลายและแปลกใหม่มาก ๆ ในสมัยนั้นค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคาเฟ่ดาบังถึงกลายเป็นคาเฟ่ยอดนิยมใช่มั้ยล่ะคะ?
1. กาแฟดาบัง (Dabang Coffee)
Source: MSG on YouTube
กาแฟดาบังจะแตกต่างจากเครื่องดื่มเอสเปรสโซที่ขายกันในร้านกาแฟในปัจจุบันนะคะ เนื่องจากกาแฟที่ขายในดาบังจะใช้ผงกาแฟสำเร็จรูป และอัตราส่วนกาแฟต่อครีมและน้ำตาลก็มีสูตรเฉพาะตัวด้วยค่ะ
Source: mbc 강원 영동
แน่นอนว่าลูกค้าแต่ละคนก็จะมีรสชาติกาแฟที่ชอบแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นพนักงานก็มักจะชงกาแฟตามสัดส่วนที่ลูกค้าชอบค่ะ ทำให้กาแฟแต่ละแก้วจะมีรสชาติไม่เหมือนกันนั่นเอง
2. ชาซังฮวา (쌍화차)
"ชาซังฮวา" เป็นชาสมุนไพรแบบดั้งเดิมของเกาหลีที่ทำด้วยหวงฉี (Astragalus), อบเชย, และชะเอมที่นำมาต้มในน้ำร้อน จากนั้นก็เติมอินทผาลัมหรือถั่ว แล้วจบด้วยไข่แดงดิบค่ะ
ทุกคนเคยเห็นการใส่ไข่แดงดิบลงในน้ำชามั้ยคะ? ยูนีคสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ! กล่าวกันว่า "ชาซังฮวา" มีประสิทธิภาพในการบรรเทาความเมื่อยล้าและทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วยนะคะ
3. ชาวิสกี้
"ชาวิสกี้" เป็นส่วนผสมระหว่างวิสกี้และชาดำค่ะ เนื่องจากวิสกี้เดี่ยว ๆ นั้นแพงเกินไป ดังนั้นจึงต้องใช้ชาดำเป็นส่วนผสมหลักแล้วเติมวิสกี้ลงไปนั่นเองค่ะ!
การค่อย ๆ หายไปของ "ดาบัง (다방)"
Source: 14f on YouTube
ดาบังค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ เนื่องจากตู้จำหน่ายกาแฟอัตโนมัติเริ่มเป็นที่นิยมในยุค 90 และมีการสร้างร้านกาแฟที่ขายกาแฟที่ทำจากเอสเปรสโซนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ในปี 1999 สตาร์บัคส์แห่งแรกในเกาหลีก็ได้เปิดให้บริการในมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา และวัฒนธรรมการซื้อกลับบ้านก็กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งทำให้ร้านดาบังค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบางกรณีที่ดาบังกลายเป็นสถานที่ประกอบการค้าประเวณีที่ผิดกฎหมายด้วยนะคะ
เจ้าของร้านดาบังซึ่งเป็นผู้หญิงจะถูกเรียกว่า "มาดาม" และพนักงานหญิงจะถูกเรียกว่า "레지" ซึ่งเป็นวิธีที่ชาวเกาหลีออกเสียงคำว่า "เลดี้" นั่นเองค่ะ และในช่วงเวลานั้น "레지" ก็จะเป็นคนส่งกาแฟในกระติกน้ำร้อนตามบ้านค่ะ
"레지" จะเป็นคนส่งกาแฟไปตามบ้านต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าบางครั้งก็ไม่ได้มีแค่การส่งกาแฟค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นให้ดาบังผันตัวมาทำธุรกิจค้าประเวณีนั่นเอง
แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังมีธุรกิจค้าบริการทางเพศที่ผิดกฎหมายภายใต้ชื่อ "ดาบัง" ด้วยนะคะ
"ดาบัง (다방)" ในปัจจุบัน
แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะว่ามีดาบังบางส่วนที่ยังคงขายกาแฟและชาเหมือนเดิมค่ะ! อย่างร้าน "อึลจิโรดาบัง" ที่ไอดอลวง BTS ได้ไปถ่ายทำ Season Greetings ปี 2021 ก็ยังเปิดเป็นคาเฟ่ในสไตล์เกาหลีดั้งเดิมมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้วล่ะค่ะ
และดาบังที่เก่าแก่อีกที่ที่เราอยากจะแนะนำก็คือ "ฮักลิม ดาบัง (학림다방)" ซึ่งเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 65 ปี ตั้งแต่ปี 1956 นั่นเองค่ะ!
ฮักลิมดาบัง (학림다방)
- ที่อยู่: 서울특별시 종로구 명륜4가 대학로 119
- เวลาทำการ: 10:00 - 23:00 น.
"ฮักลิม ดาบัง (학림다방)" ตั้งอยู่บนถนนแทฮังโนซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและวัยรุ่นที่มีชีวิตชีวาค่ะ
"ฮักลิม ดาบัง (학림다방)" เป็นร้านที่เก่าแก่ที่สุดในถนนแทฮังโนและยังมีความเก่าแก่เป็นอันดับที่สามของประเทศเกาหลีด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังเป็นเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักดนตรีและนักแสดงชาวเกาหลีในสมัยก่อนด้วยค่ะ
และที่สำคัญก็คือเป็นสถานที่ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นผู้นำของขบวนการประชาธิปไตยเกาหลีมาวางแผนและประชุมกันบ่อย ๆ ด้วยค่ะ
เมื่อออกมาจากสถานี Hyehwa ทางออก 3 ให้เดินไปอีก 1 ช่วงตึกก็จะพบกับ "ฮักลิม ดาบัง (학림다방)" ที่ชั้น 2 ของอาคารค่ะ
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของซีรีส์เรื่อง My Love From the Star ด้วยนะคะ เป็นคาเฟ่ที่โทมินจุน (แสดงโดย คิมซูฮยอน) แวะเวียนมาบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ
เมื่อผลักประตูกระจกที่ชั้นหนึ่งเข้าไปก็จะพบบันไดไม้แคบ ๆ ค่ะ ทุกครั้งที่เดินขึ้นไปหนึ่งก้าวก็จะสัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ของร้านได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ
และเมื่อเปิดประตูไม้ที่เก่าแก่เข้าไป เราก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของ "ฮักลิม ดาบัง (학림다방)" ที่มีอายุถึง 60 ปีค่ะ
แม้ว่าเราจะเดินทางไปถึงที่ร้านในช่วงกลางวันของวันธรรมดา แต่ก็มีลูกค้าเยอะมาก ๆ อยู่ดีค่ะ
สารภาพเลยว่าตอนแรกเราคิดว่าจะมีคนแก่นั่งอยู่ที่ร้านมากกว่านี้ค่ะ แต่จริง ๆ แล้วดาบังแห่งนี้เต็มไปด้วยชายและหญิงทุกวัยเลยล่ะค่ะ มีทั้งคนวัยกลางคนที่กำลังดื่มน้ำชายามบ่าย, ลูกสาวที่พาพ่อแม่มาดื่มกาแฟ, และคู่รักวัยรุ่นที่มาเดทกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยที่กำลังเรียนออนไลน์อยู่ก็มีเช่นกันค่ะ
ภายในร้านล้อมรอบไปด้วยเพลงคลาสสิกอันไพเราะที่กำลังเล่นผ่านเครื่องเล่นแผ่นเสียง และกลิ่นหอมอบอวลของกาแฟค่ะ
ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีโทนสีเข้ากัน พร้อมแสงสลัวซึ่งทำให้บรรยากาศของร้านดูหรูหราและสงบค่ะ
ถ้าได้นั่งตรงหน้าต่างก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของถนน Daehak-ro ได้ด้วยนะคะ และเนื่องจากอากาศดีมาก ๆ ดังนั้นที่นั่งริมหน้าต่างจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดค่ะ
ภาพที่นั่งริมหน้าต่างด้านบนนี้ถ่ายในปี 1988 ที่ "ฮักลิมดาบัง (학림다방)" ค่ะ ถ้าลองเปรียบเทียบก็จะเห็นได้ว่ามีแค่ผ้าม่านและไฟเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ในขณะที่อย่างอื่นในร้านยังคงดูเหมือนเดิมเลยล่ะค่ะ
ใครที่เป็นแฟนคลับของซีรีส์เรื่อง My Love From the Star ก็สามารถนั่งที่นั่งเดียวกับโทมินจุนได้ด้วยนะคะ
และถ้าเดินขึ้นบันไดเล็ก ๆ ทางด้านซ้ายของดาบังไป ก็จะเจอกับที่นั่งในห้องใต้หลังคาด้วยค่ะ!
สามารถชมวิวของ "ฮักลิมดาบัง (학림다방)" จากชั้นสองได้เลยค่ะ จะมองเห็นได้ทั้งโต๊ะขนาดใหญ่, โซฟาที่นุ่มสบาย, และการออกแบบภายในด้วยไม้โบราณอันเป็นสัญลักษณ์ของดาบังด้วยนะคะ
นอกจากนี้เรายังสามารถดูสมุดภาพเกี่ยวกับร้าน "ฮักลิมดาบัง (학림다방)" ซึ่งจัดพิมพ์โดยเจ้าของร้านได้ด้วยนะคะ ในสมุดภาพจะบันทึกช่วงเวลาต่าง ๆ ของร้านในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมาเอาไว้ค่ะ เรียกได้ว่ามีประวัติศาสตร์อันยาวนานสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ
แม้ว่าการตกแต่งของ "ฮักลิมดาบัง (학림다방)" จะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เมนูก็ถูกปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยค่ะ ทางร้านมีกาแฟที่ทำจากเอสเปรสโซ, ชาแบบดั้งเดิม, และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่สามารถพบได้ในร้านกาแฟทั่วไปค่ะ
รวมไปถึงเมนูเวียนนาคอฟฟี่, ชาสมุนไพร, และพาร์เฟต์ก็ได้รับความนิยมเช่นกันค่ะ
เราสั่งเมนูยอดนิยมอย่าง "เวียนนาคอฟฟี่" และ "บลูเบอร์รี่ครีมชีสเค้ก" มาลองชิมค่ะ
เวียนนาคอฟฟี่ ราคา 6,000 วอน
เวียนนาคอฟฟี่ของทางร้านรสชาติดีมาก ๆ เลยล่ะค่ะ แถมยังแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ที่ทำจากอเมริกาโนทั่วไปด้วยนะคะ เนื่องจากทำจากลาเต้ที่มีครีมอยู่ด้านบนนั่นเองค่ะ!
เราประทับใจกับครีมหนา ๆ ที่อยู่ด้านบนของเวียนนาคอฟฟี่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ อย่างไรก็ตามครีมมีรสชาติค่อนข้างหวานนะคะ เราคิดว่าน่าจะหวานเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบทานหวานค่ะ
บลูเบอร์รี่ครีมชีสเค้ก ราคา 6,000 วอน
แม้จะดูคล้ายพุดดิ้งนมหรือเต้าหู้นิ่มมากกว่าชีสเค้ก แต่ก็เป็นชีสเค้กที่อร่อยมาก ๆ เลยล่ะค่ะ! แยมที่อยู่ข้าง ๆ คือแยมบลูเบอร์รี่นะคะ ทุกคนสามารถเลือกได้ระหว่างแยมบลูเบอร์รี่และแยมส้มค่ะ
ตัวชีสเค้กมีรสหวานและเปรี้ยวนิด ๆ เหมือนกับโยเกิร์ต ดังนั้นจึงเข้ากันได้ดีกับแยมบลูเบอร์รี่ค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มมาก ๆ อีกด้วยนะคะ!
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ "ดาบัง (다방)" คาเฟ่ต้นตำรับของเกาหลี? นอกจากจะเป็นร้านขายชาและกาแฟแล้ว ก็ยังเป็นสถานที่รวมตัวของศิลปินและคนทั่วไปมากมายเลยล่ะค่ะ เรียกได้ว่าเป็นต้นตำรับของคาเฟ่ในสมัยปัจจุบันเลยทีเดียวค่ะ!
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี