ความเชื่อเกี่ยวกับความรักของคนเกาหลี
ความรักของคนเกาหลีก็ต้องพึ่งพาไสยศาสตร์เหมือนกันเหรอ?
สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน
#ไสยศาสตร์ #ความรัก
#ความเชื่อของคนเกาหลี
วันนี้เราจะมาแนะนำความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับความรักของคนเกาหลีกันค่ะ! แม้ประเทศเกาหลีจะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งคู่รัก แต่คนเกาหลีก็พึ่งพาไสยศาสตร์เหมือนกัน! มาดูกันดีกว่าค่ะว่าความเชื่อต่าง ๆ ของคนเกาหลีจะมีอันไหนที่ซ้ำกับความเชื่อของคนไทยบ้างนะ?
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand
🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี
ความเชื่อเกี่ยวกับความรักของคนเกาหลี
1. ถ้าสีย้อมเล็บยังอยู่ถึงหิมะแรก ความรักครั้งแรกจะเป็นจริง
- 첫 눈 올 때 손톱에 봉숭아 물이 남아 있으면 첫사랑이 이루어진다
Impatiens เป็นดอกไม้ที่บานในฤดูร้อนและสามารถนำมาย้อมสีบนเล็บได้อย่างปลอดภัยค่ะ เป็นหนึ่งในกิจกรรมของเด็ก ๆ เลยทีเดียว ซึ่งคนเกาหลีหลาย ๆ คนก็เชื่อค่ะว่าเมื่อหิมะแรกมาถึง ถ้าเจ้าสีที่ย้อมไว้บนเล็บยังคงอยู่ในสภาพเดิมได้เนี่ย ความรักครั้งแรกของเราก็จะเป็นจริงค่ะ ดังนั้นเด็ก ๆ ที่ย้อมสีของเล็บไว้ตั้งแต่ฤดูร้อนก็จะรักษาสีที่ย้อมไว้จนกว่าจะถึงหน้าหนาวเลยล่ะค่ะ น่ารักใช่มั้ยคะ?
2. ถ้าให้รองเท้าเป็นของขวัญคนรัก จะมีเหตุให้ต้องเลิกกัน
- 연인에게 신발을 선물하면 도망간다
แน่นอนว่าการเป็นคู่รักกันของคนเกาหลีก็มีข้อห้ามอยู่ค่ะ นั่นก็คือการให้รองเท้าเป็นของขวัญแก่กันและกันนั่นเอง เนื่องจากคนเกาหลีมีความเชื่อที่ว่าหากมอบรองเท้าให้กับคนรัก คนรักของเราก็จะสวมรองเท้าที่เราให้และทิ้งเราไป ซึ่งเป็นความเชื่อที่เหมือนกันกับของไทยเราเลยค่ะ
ดังนั้นรองเท้าจึงมักจะไม่ปรากฏในรายการของขวัญที่แนะนำระหว่างคู่รักค่ะ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์รองเท้าก็ได้เริ่มพยายามทำลายความเชื่อเหล่านี้โดยการโฆษณาว่า "รองเท้าที่ดีควรมอบให้กับคนที่ควรค่าแก่การเอาใจใส่" นั่นเองค่ะ เห็นได้ชัดถึงความกังวลของแบรนด์รองเท้าแล้วใช่มั้ยละคะ?
3. คู่รักที่เดินผ่านกำแพงหินของพระราชวังถ็อกซูจะต้องแยกจากกัน
- 덕수궁 돌담길을 애인과 걸으면 헤어진다
พระราชวังถ็อกซูเป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโซลค่ะ ตั้งอยู่ใกล้กับศาลากลางของเกาหลี, เมียงดง, ย่านอึลจิโร, และควังฮวามุนนั่นเองค่ะ นอกจากความสวยงามของพระราชวังแล้ว ถนนเลียบกำแพงหินก็ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโซลด้วยนะคะ
แม้กำแพงหินจะสวยและมีเอกลักษณ์ขนาดไหน แต่ความเชื่อทางไสยศาสตร์ของชาวเกาหลีก็คือ "คู่รักที่เดินผ่านกำแพงหินจะต้องเลิกกัน" ค่ะ ดังนั้นคู่รักชาวเกาหลีจึงไม่มีทางมาที่นี่เพื่อเดทกันโดยเด็ดขาดเลยค่ะ
มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องนี้ค่ะ บางคนก็คิดว่าเพราะมีศาลที่เชี่ยวชาญในการฟ้องร้องคดีหย่าร้างอยู่ใกล้ ๆ เลยทำให้คู่รักต่างก็พากันกังวลไปว่า "คู่รักที่ผ่านมาที่นี่จะต้องแยกจากกัน" นั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตามบางคนก็กล่าวว่าถนนเลียบกำแพงหินของพระราชวังถ็อกซูนั้นเป็นที่ที่สะสมความเกลียดชังและคำสาปจากเหล่านางสนมที่ถูกทอดทิ้งในสมัยโบราณ ซึ่งจะทำให้คู่รักที่เดิน่านมาที่นี่ต้องเลิกลากันไปค่ะ
4. ความรักครั้งแรกมักจะไม่สมหวัง
- 첫사랑은 이루어지지 않는다
คนไทยอาจจะไม่ได้มีความเชื่อเรื่อง "ความรักครั้งแรกมักจะไม่สมหวัง" อย่างแรงกล้าเหมือนคนเกาหลีค่ะ เนื่องจากรักแรกพบมักจะเกิดขึ้นในตอนที่เรายังเป็นเด็ก และยังไม่มีความกดดันทางสังคม เรียกง่าย ๆ ว่าชีวิตยังคงเรียบง่ายและไม่ต้องคิดมากนั่นเองค่ะ แต่เมื่อโตขึ้นเราก็จะได้พบกับผู้คนมากขึ้น ค่านิยมที่เปลี่ยนไปและปัจจัยด้านครอบครัวก็อาจจะกลายเป็นสาเหตุหลักในการตัดสินใจที่จะคบหาใครซักคนค่ะ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับชาวเกาหลี แต่ความคิดที่ว่า "รักครั้งแรกมักจะไม่สมหวัง" นั้นก็ดูเหมือนจะฝังรากลึกลงไปในใจของหลาย ๆ คนเลยล่ะค่ะ
5. คนที่ทุ่มเทเกินไปก็เหมือนรองเท้าที่พังแล้ว
- 헌신하다 헌신짝 된다
ทุกคนรู้มั้ยคะว่าความเชื่อที่ว่า "คนที่ทุ่มเทเกินไปก็เหมือนรองเท้าที่พังแล้ว" หมายถึงอะไรนะ? ประโยคนี้มีความหมายว่า ในเรื่องของความรักนั้น คนที่ทุ่มเทความรู้สึกและทรัพยากรมากเกินไปจะถูกทอดทิ้งได้ง่ายค่ะ เพราะหลังจากนั้นไม่นานอีกฝ่ายก็จะไม่เห็นค่าและทิ้งเราไปเหมือนกับทิ้งรองเท้าที่พังแล้วไปเมื่อมันไม่มีประโยชน์แล้วนั่นเอง
อันที่จริงประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่าอย่าทุ่มเทให้กับความรักนะคะ แต่หมายถึงทั้งสองฝ่ายควรจะให้ซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมนั่นเองค่ะ
6. ไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่ล้มหลังจากใช้ขวานจาม 10 ครั้ง
- 열 번 찍어서 안 넘어가는 나무 없다
"ไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่ล้มหลังจากใช้ขวานจาม 10 ครั้ง" หมายความว่าถ้าพยายามมาก ๆ ในที่สุดก็จะประสบความสำเร็จในความรักนั่นเองค่ะ คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า "ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก" มากกว่า แต่เราว่าความหมายมันก็คล้าย ๆ กันอยู่นะคะ
7. ควรแต่งงานภายใน 6 เดือนหลังจากที่ได้รับช่อดอกไม้ในงานแต่งของคนอื่น
- 부케 받고 6개월 안에 결혼 해야한다
การโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในงานแต่งเป็นอะไรที่ทุกคนก็คุ้นเคยกันดีใช่มั้ยล่ะคะ? แต่ว่าคนเกาหลีก็มีความเชื่อเกี่ยวกับช่อดอกไม้นี้เช่นกันค่ะ กล่าวกันว่า "ถ้าไม่ได้แต่งงานภายใน 6 เดือนหลังจากที่ได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว จะไม่สามารถแต่งงานได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า" ค่ะ นอกจากนี้ยังมีบางความเชื่อที่บอกว่าจะไม่สามารถแต่งงานได้อีกเลยด้วยนะคะ
และจากความเชื่อนี้เองที่ทำให้ก่อนวันแต่งงานของคนเกาหลีจะต้องมีการวางแผนกันอย่างรอบคอบค่ะว่าใครจะเป็นคนได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวไป โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวที่มีแผนจะแต่งงานอยู่แล้วนั่นเองค่ะ
8. นำช่อดอกไม้ไปอบแห้งเป็นเวลา 100 วันแล้วค่อยนำไปเผา
- 부케는 100일간 말려서 태워라
สำหรับคู่รักที่ได้รับช่อดอกไม้ในงานแต่งงานของคนอื่นแล้วได้แต่งงานกันจริง ๆ (ภายใน 6 เดือน) จะต้องนำช่อดอกไม้ไปมอบให้คู่บ่าวสาวที่เราได้รับดอกไม้มาเพื่อตอบแทนค่ะ และคนเกาหลีก็มีความเชื่อว่าคู่บ่าวสาวที่ได้รับช่อดอกไม้คืนมาจะต้องนำดอกไม้ไปอบแห้งเป็นเวลา 100 วันแล้วค่อยนำไปเผา เพื่ออธิษฐานให้ความรักของคู่ที่ให้ดอกไม้มายืนยาวนั่นเองค่ะ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็มีคู่รักจำนวนมากที่ไม่สนใจความเชื่อเหล่านี้ค่ะ พวกเขาคิดว่าควรจะเก็บช่อดอกไม้ไว้เป็นที่ระลึกมากกว่า ดังนั้นหลังจากอบแห้งแล้วก็จะเก็บไว้แทนที่จะนำไปเผาค่ะ
9. อย่าแต่งงานในตอนที่อายุลงท้ายด้วยเลข 9
- 아홉수에 결혼하면 안된다
เนื่องจากคนเกาหลีเชื่อว่าเลข 9 เป็นเลขอัปมงคลค่ะ ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงหลีกเลี่ยงการแต่งงานในตอนที่อายุลงท้ายด้วยเลข 9 นั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะ 19, 29, หรือ 39 ปีคนเกาหลีก็ได้แต่รอให้ช่วงอายุนี้ผ่านพ้นไปก่อนแล้วค่อยแต่งงานค่ะ
แต่แน่นอนว่าคนเกาหลีสมัยใหม่ก็เพิกเฉยต่อความเชื่อเหล่านี้ค่ะ เนื่องจากผู้หญิงเกาหลีหลาย ๆ คนวางแผนการแต่งงานไว้ก่อนที่จะเข้าสู่วัย 30 ปี ดังนั้นแนวโน้มการแต่งงานในวัย 29 ปีจึงกลายมาเป็นกระแสหลักของผู้หญิงเกาหลีในปัจจุบันค่ะ
10. ถ้าอายุห่างกัน 4 ปีก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการอ่านดวงชะตา
- 4살 차이는 궁합도 안본다
ก่อนที่คนเกาหลีจะคบหากันนั้น บางคู่ก็จะต้องไปให้หมอดูช่วยคำนวนดวงชะตาจากวันเกิดว่าจะเข้ากันได้หรือไม่ก่อนค่ะ ซึ่งการอ่านดวงชะตาโดยใช้วันเกิดของคู่รักแบบนี้ก็เรียกว่า 궁합 นั่นเองค่ะ
และตามความเชื่อของคนเกาหลี ถ้านับวันเดือนปีเกิดแล้วอายุของทั้งคู่ห่างกัน 4 ปีพอดีก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการอ่านดวงชะตาเลยค่ะ เพราะว่าเลข 4 (ตัวภาษาจีน) จะไม่มีขีดตรงกลาง ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่มีอุปสรรคในด้านความรักเลยนั่นเองค่ะ
11. ทุกอย่างจะไปได้สวยในวันฝนตก
- 비오는 날에 결혼하면 잘 산다
คนเกาหลีมีความเชื่อว่าถ้าหากฝนตกในวันแต่งงาน คู่บ่าวสาวจะมีชีวิตอยู่บนผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ท่ามกลางสายฝนค่ะ เรียกง่าย ๆ ว่ามีความรักที่เติบโตงอกงามนั่นเอง และแม้ว่าจะเป็นเพียงความเชื่อ แต่ก็สามารถใช้ปลอบใจคู่แต่งงานที่เจอฝนในวันแต่งงานได้ดีทีเดียวค่ะ
12. แม่สามีจะให้มีดและเขียงเป็นของขวัญ
- 칼과 도마는 시어머니가 선물한다
นี่เป็นความเชื่อที่เก่าแก่มาก ๆ ของคนเกาหลีค่ะ ว่ากันว่าในอดีต ลูกสะใภ้ที่แต่งงานเข้าไปในครอบครัวของฝ่ายชายมักจะได้รับมีดและเขียงจากแม่สามีเป็นของขวัญค่ะ ซึ่งความหมายโดยนัยก็คือแม่สามีต้องการให้ลูกสะใภ้ตัดขาดกับทางบ้านของตัวเองแล้วใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของสามีนั่นเองค่ะ
แต่ในยุคปัจจุบันความเชื่อแบบนี้ก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงแล้วค่ะ เนื่องจากทางลูกสะใภ้จะเตรียมมีดและเขียงมาเอง และแม่สามีก็จงใจที่จะหลีกเลี่ยงความเชื่อนี้เพราะว่าไม่ต้องการให้ลูกสะใภ้ตัดขาดกับทางบ้านนั่นเองค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะกับความเชื่อเกี่ยวกับความรักของคนเกาหลี? มีข้อไหนที่เคยได้ยินกันบ้างมั้ยคะ? เราว่าบางความเชื่อก็แอบคล้าย ๆ ความเชื่อของคนไทยเหมือนกันนะคะ แม้ปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีคนเกาหลีอีกมากมายที่ยังคงฝังใจกับความเชื่อพวกนี้อยู่เช่นกันค่ะ
🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube
✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand